เทคโนโลยี Virtual Reality และ Augmented Reality ได้เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับหลายอุตสาหกรรม ทำให้มีการคาดการณ์ว่า VR จะเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจในเวลาอันใกล้นี้
เทศกาลภาพยนตร์หลายเทศกาลในช่วงหลังมานี้ เริ่มมีการเปิดตัวภาพยนตร์สำหรับเทคโนโลยี Virtual Reality หรือ VR เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกว่าได้เข้าไปเป็นส่วนของเรื่องนั้น การสวมเฮดเซ็ตจะทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลายตั้งแต่การนั่งรถไฟเหาะ เที่ยวรอบเมือง สำรวจอวกาศ ดำน้ำ หรือแม้แต่สัมผัสการใช้ชีวิตของชาวยิวในค่ายกักกันสมัยสงครามโลก ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง Pearl ได้เป็นภาพยนตร์วีอาร์เรื่องแรกที่ถูกเสนอเข้าชิงรางวัลออสการ์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ก็ไม่ใช่อุตสาหกรรมเดียวที่เปิดรับเทคโนโลยีวีอาร์มาเป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องราว แพทย์ก็นำวีอาร์ไปพัฒนาเพื่อรักษาผู้ป่วยทางสมองหรือการทรงตัว เพราะปัจจุบัน อุปกรณ์ VR อย่าง Oculus Rift ก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะกลายมาเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมอย่าง แพร่หลายในเวลาอันใกล้ จากเดิมที่คนใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเทอร์เน็ต และพัฒนามาเป็นสมาร์ทโฟน
ด้วยเหตุนี้ VR จึงถูกมองว่า อาจเป็นแกดเจ็ตต่อไปที่ธุรกิจทั้งหลายต้องหันมาใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารกับลูกค้า เช่น การลงโฆษณาด้วยวิดีโอแบบ 360 องศาสำหรับการเปิดดูใน VR ด้วย เช่น บริษัทคอลเกต ที่ทำการ์ตูนสั้นให้เราเห็นภายในช่องปากและแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในช่องปากของเรา เพื่อเป็นการโฆษณาสินค้าของตัวเอง หรือ Home Depot ก็นำเทคโนโลยี Augmented Reality หรือ AR มาใช้ เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่า เฟอร์นิเจอร์จะเหมาะสมกับพื้นที่บ้านหรือไม่
ไม่ใช่แค่การโฆษณาเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้กับ VR แต่นายพิษณุ นายัก จากบริษัท FixStream มองว่า VR และ AR กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจต่างๆ ในการสร้างต้นแบบสินค้าใหม่ๆ พัฒนาฟีทเจอร์ เพิ่มยอดขาย เพิ่มประสบการณ์ซื้อของของร้านขายปลีก รวมไปถึงการจำลองการตลาดและโฆษณา และคาดการณ์โอกาสทางธุรกิจได้ด้วย
ที่สำคัญ นิตยสาร Forbes มองว่า เทคโนโลยี VR และ AR ไม่ได้เป็นที่นิยมในสหรัฐฯและอังกฤษเท่านั้น เพราะบริษัทเทคโนโลยีในเอเชียกำลังพัฒนาเทคโนโลยีและสื่อที่จะรองรับเทคโนโลยี VR และ AR มากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ VR ก็ยังมีไม่มากนัก โดยผู้นำตลาดนี้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ ซัมซุง ที่ทำ Gear VR ซึ่งสามารถนำไปต่อกับ Oculus ได้ และจะทำให้ผู้ใช้เลือกเนื้อหาที่จะดูได้หลากหลายขึ้นกว่า จึงคาดการณ์ว่า ซัมซุงจะช่วงชิงตลาดนี้ได้ก่อนเจ้าอื่น และทำให้การพัฒนาเนื้อหาสำหรับ VR ในเอเชียเพิ่มขึ้น