เปรียบเทียบระบบราชการไทยและญี่ปุ่น
อินโดนีเซียยอมลงนามสนธิสัญญาหมอกควันอาเซียน
การปฏิรูปครั้งสำคัญของวาติกัน
ปัญหาในเกาหลีใต้ ที่ผู้นำหญิงคนแรกจะต้องเผชิญ
'ยิ่งลักษณ์' ติดอันดับ 30 หญิงทรงอานุภาพที่สุดของโลก
สัมภาษณ์พิเศษ ดร.เดวิด เสตร็คฟัส อดีตนักวิจัย มหาวิทยาลัยเกียวโต
วิเคราะห์นโยบายต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
สุลต่านบรูไนเข้มกฏหมายชะรีอะฮ์ ใช้อิสลามกำหนดจริยธรรมสังคม
สำรวจเกาะซัคคาลิน กระชับสัมพันธ์ญี่ปุ่น-รัสเซีย
ทูตจีนประจำไทยสนใจโครงการรถไฟความเร็วสูง
สำนักพระราชวังญี่ปุ่นตำหนิ สส. ดึงจักรพรรดิสู่การเมือง
นิรโทษกรรมไทยดังลั่นทั่วโลก
โครเอเชียเข้าร่วมอียู ฮ่องกงประท้วงจีน
สิ่งท้าทายของนโยบายต่างประเทศไทยในปี 2556 ตอนที่ 2
ประสบการณ์และบทเรียนค้าปลีกสมัยใหม่ของญี่ปุ่น
'โอบามา' ปฏิเสธ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนอาทิตย์นี้
ความต่างการอุดหนุนภาคเกษตรไทยและต่างประเทศ
บอกลานายเนลสัน แมนเดล่า.....
ญี่ปุ่นล๊อบบี้อาเซียน สกัดกั้นอิทธิพลทางทหารของจีน
ฮีโร่ในสายตาจีนและเกาหลี ผู้ก่อการร้ายในสายตาญี่ปุ่น
สหรัฐฯ แต่งตั้ง 'สตรีเหล็ก' ขึ้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง
Mar 23, 2013 13:25
รายการ Go Global ประจำวันที่ 23 มีนาคม 2556
มีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบบดีบารัค โอบาม่า จะแต่งตั้งให้นางซูซาน ไรซ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ขึ้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ หลังจากพลาดตำแหน่งรับมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้กับนายจอห์น เคอร์รี่ หน้าที่หลักจะอยู่ที่การให้คำปรึกษาเรื่องนโยบายด้านความมั่นคงและจะมีบทบาทอย่างมากในกระบวนการกำหนดนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ คาดว่านางไรซ์จะขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ในเดือนกรกฎาคม ตรงกับช่วงที่สหรัฐฯ จะก้าวขึ้นเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติพอดี
ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระหว่างญี่ปุ่นกับอาเซียนที่ได้มีขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลที่น่าพอใจ นอกจากจะมีการหารือเรื่องความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีแล้ว ยังมีการพูดถึงประเด็นการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะต่างๆ ในทะเลจีนใต้ที่ญี่ปุ่นมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ญี่ปุ่นมองว่า ความร่วมมือกับอาเซียนมีประโยชน์มหาศาล ทั้งในแง่การสร้างความเข้มแข็งทางทหารให้กับญี่ปุ่นเอง การใช้อาเซียนเป็นเวทีกดดันคู่กรณีให้หาทางแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี รวมถึงการเปิดโอกาสให้ญี่ปุ่นและอาเซียนหารือถึงปัยหาความมั่นคงทั่วๆ ไปที่ส่งผลต่อภูมิภาค
จากการวิจัยล่าสุดของวารสาร "วิทยาศาสตร์" ระบุว่า โลกเริ่มที่จะอุ่นตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าหลังจากที่โลกผ่านยุคน้ำแข็งมาแล้ว และต่อมายังคงความเย็นไว้ได้ แต่ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้มีการผลิตคาร์บอนไดอ๊อกไซด์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้โลกต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่สุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศร้อนจัด การเกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมหรือแล้งอย่างมาก รวมถึงการเกิดของปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติอื่นๆ ด้วย
