ปัจจุบันการติดโซเชียลมีเดีย ถือเป็นปัญหาใหญ่ของคนในยุคปัจจุบัน หลังจากที่อินเทอร์เน็ตและสมาร์ตโฟนเข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้น ซึ่งในขณะที่หลายคนยอมควักกระเป๋าซื้อสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ แต่ก็มีคนอเมริกันจำนวนไม่น้อย ที่ยอมจ่ายเงินราว 3 แสนบาท เพียงเพื่อให้คนที่รักเลิกเล่นโทรศัพท์มือถือ
ตั้งแต่ปี 2013 ได้มีคลินิกที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อบำบัดอาการเสพติดอุปกรณ์ดิจิทัล เกิดขึ้นกว่า 10 แห่งในซิลิคอนวัลเลย์ รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิล, เฟซบุ๊ก ,ทวิตเตอร์ และกูเกิล ซึ่งคลินิกเหล่านี้มีไว้เพื่อบำบัดเยาวชนที่เอาแต่จ้องจอสมาร์ตโฟนมากกว่า 20 ชั่วโมงต่อวัน
หนึ่งในนั้นคือคลินิกที่ชื่อว่า 'Paradigm' ซึ่งมีสวนรายล้อมและติดกล้องวงจรปิดทั่วบริเวณ โดยตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งห่างจากใจกลางเมืองซานฟรานซิสโก 30 กิโลเมตร โดยรับเด็กอายุ 12 ถึง 18 ปี ที่ผู้ปกครองกังวลว่าพวกเขาจะเสพติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งคลินิกนี้รับผู้บำบัดได้ครั้งละ 8 คน และใช้เวลาในการบำบัดอย่างน้อย 45 วัน หรืออาจเพิ่มเป็น 60 วัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ภาวะซึมเศร้า, ภาวะวิตกกังวล และความก้าวร้าวของคนไข้
สำหรับอัตราค่าบริการของคลินิกแห่งนี้ค่อนข้างสูง อยู่ที่ราว 1,633 บาทต่อคืน หรือประมาณ 51,000 บาท แต่บริการนั้นเทียบเท่าโรงแรมหรู โดยมีอ่างจากุซซี่ที่เห็นวิวอ่าวซานฟรานซิสโก ซึ่งผู้ที่เข้ารับการบำบัดทุกคนจะต้องงดใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และจำกัดเวลาให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาเท่านั้น พร้อมห้ามผู้บำบัดใช้โซเชียลมีเดีย ส่งข้อความ หรือเข้าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาลามกอนาจาร โดยแต่ละวัน ผู้รับการบำบัดจะทำกิจกรรมที่ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ตื่นนอน เรียนหนังสือ กินข้าว และเข้าร่วมบำบัดทั้งเดี่ยวและกลุ่ม
ทางคลินิกระบุว่า การบำบัดของที่นี่จะเน้นปรับโปรแกรมในตัวเด็ก ให้แต่ละคนได้กลับไปเชื่อมความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน การเรียน และทำกิจกรรมที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง พร้อมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับเทคโนโลยี
แดเนียล โคแว็ค ผู้อำนวยการของ Paradigm ให้ข้อมูลว่าสัญญาณเริ่มต้นของการเสพติดอินเทอร์เน็ตคือ อารมณ์แปรปรวน ชอบโกหก และชอบอยู่โดดเดี่ยว ซึ่งการจำกัดเวลาการเล่นเครื่องมือสื่อสารก่อนนอน ระหว่างทานอาหาร และที่โรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งหากทำไม่ได้ การบำบัดในลักษณะนี้ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ได้สังเกตอาการของเด็กแต่ละคนได้อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะช่วยบำบัดให้ตรงจุดได้ยิ่งขึ้น
นักจิตวิทยาจากนครนิวยอร์กคนหนึ่งได้นิยามอาการ 'การเสพติดอินเทอร์เน็ต' ไว้ครั้งแรกเมื่อปี 1995 แต่ที่สหรัฐอเมริกาอาการนี้ยังไม่ถือว่านี่เป็น 'โรค' อย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยังถกเถียงประเด็นนี้กันอยู่ ขณะที่ทางการออสเตรเลีย จีน อิตาลี และญี่ปุ่น ถือว่าอาการนี้เป็นโรคที่ต้องรักษา ซึ่งที่เกาหลีใต้ถึงขั้นประกาศชัดเจนว่า นี่เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อส่วนรวม และจัดให้มีการบำบัดในโรงพยาบาลรัฐ