เฟซบุ๊กยืนยันว่า ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่ระบุว่าเว็บไซต์ที่ผู้ใช้งานล็อกอินด้วยเฟซบุ๊กนั้นถูกแฮ็ก หลังจากเกิดเหตุการณ์แฮ็กเฟซบุ๊กครั้งใหญ่ 50 ล้านบัญชีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ถือเป็นข่าวดีอย่างหนึ่งท่ามกลางวิกฤติด้านความปลอดภัย เมื่อบัญชีเฟซบุ๊กกว่า 50 ล้านบัญชีนั้นถูกแฮ็กเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุด นายกาย โรเซน รองประธานฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ออกมาแถลงอีกครั้งว่า หลังจากที่มีการสืบสวนครั้งใหญ่ ทีมสืบสวนของเฟซบุ๊กระบุว่า ไม่พบหลักฐานใดที่ชี้ว่าแฮกเกอร์กลุ่มนี้ทำการโจมตีบรรดาเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานล็อกอินด้วยบัญชีเฟซบุ๊กของพวกเขา อย่างเช่นเว็บไซต์ Airbnb หรือ Tinder
โดยหลังจากเกิดเรื่อง นายโรเซน รองประธานบริหารเฟซบุ๊กด้านการจัดการผลิตภัณฑ์ ได้ชี้แจงไปแล้วว่า แฮกเกอร์น่าจะอาศัยช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เฟซบุ๊กพัฒนาระบบการทำงานและการอัปโหลดวิดีโอเมื่อเดือนกรกฎาคม 2017 และเกี่ยวข้องกับการใช้งานฟังก์ชัน View As ซึ่งมีไว้ให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กกดดูว่าผู้ใช้รายอื่นมองเห็นหน้าเพจของตนเป็นแบบใด
นายโรเซนระบุว่า เฟซบุ๊กได้เริ่มตรวจสอบร่องรอยของผู้ก่อเหตุ พร้อมสอบสวนเพิ่มเติมว่าข้อมูลของผู้ใช้เฟซบุ๊กได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด และมีการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในทางมิชอบหรือไม่ โดยมีการแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงหน่วยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และล่าสุดได้ระงับการทำงานของฟังก์ชัน View As ไปแล้ว
เมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อชี้แจงและเตือนผู้ใช้งานเฟซบุ๊กทั่วโลกให้ทราบว่า แฮกเกอร์ได้ก่อเหตุเจาะระบบและสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้เฟซบุ๊กประมาณ 50 ล้านคนทั่วโลก โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กต้องลงชื่อเข้าใช้งานใหม่ ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของแฮกเกอร์จะได้รับข้อความเตือนจากเฟซบุ๊ก เพื่อชี้แจงรายละเอียดแก่ผู้ใช้งาน และให้คำแนะนำว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป