พรรคเพื่อไทย และ พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ การดูด ส.ส. ไม่ใช่ครรลองประชาธิปไตย แต่หวังสร้างความชอบธรรม สืบทอดอำนาจ สร้างปัญหาในอนาคต เป็นการเมืองแบบเก่าย้อนยุค ที่จะสร้างปัญหาในอนาคต
จากที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2561 เวลา 20.15 น. ความตอนหนึ่งว่า ''...กรณีมีข่าวเรื่อง “การดูด ส.ส.” พรรคต่าง ๆ ผมไม่ใช่นักการเมือง ผมทำงานทางการเมืองให้ตอนนี้ แต่ทุกคนทราบดีว่า การดูดมีเป็นมายาวนานแล้ว ไม่ใช่มาบอกแต่ คสช. ดูด ผมก็ยังอยู่ตรงนี้ ผมก็เป็นรัฐบาล ผมก็อยู่ตรงกลางตรงนี้ ที่ต้องอำนวยการให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ เป็นหน้าที่ของผมในขณะนี้ ฉะนั้นการดูดกันก็มีทุกพรรคการเมืองมายาวนานแล้ว เป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา หลายคนอาจจะอ้างว่าทำด้วยอุดมการณ์ ด้วยนโยบาย “เพื่อชาติและประชาชน” คำว่า “ดูด ส.ส.” คงเป็นภาษาของสื่อฯ เป็นการตลาดนะครับ ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนควรใช้วิจารณญาณได้เองว่าอะไรคือการทำเพื่อส่วนรวม อะไรที่เป็นการทำเพื่อพวกพ้อง หากมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญเช่นเดียวกันแล้ว ก็น่าจะช่วยกันทำงานได้นะครับ..''
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าโดยส่วนตัวเห็นว่าการดูด ส.ส.คงไม่ใช่ครรลองประชาธิปไตยของไทยตามที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง และให้คนในรัฐบาล เพราะการดูด ส.ส. ของคนในรัฐบาลที่กำลังทำอยู่ขณะนี้มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนให้ทั้งทางตรง และทางอ้อม เพื่อหวังให้คนเหล่านี้มาอยู่กับพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นในการสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ ให้มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรี
นายองอาจ กล่าวต่อด้วยว่า การที่คนในรัฐบาลกำลังใช้อำนาจหน้าที่ของการเป็นรัฐบาลในการเจรจาต่อรอง ดูด ส.ส. มาเข้าพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้น น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า ถ้า คสช. รัฐมนตรี และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกต้องพ้นจากตำแหน่ง คสช. รัฐมนตรี และ สนช. ภายใน 90 วันนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้
ดังนั้น สิ่งที่นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลกำลังทำด้วยการดูด ส.ส. เพื่อสืบทอดอำนาจไม่ใช่การเมืองแบบใหม่ แต่เป็นการเมืองแบบเก่าย้อนยุคเหมือนในอดีตที่ทหารยึดอำนาจด้วยการปฏิวัติรัฐประหารแล้วต้องการสืบทอดอำนาจก่อตั้งพรรคการเมือง
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุ การดูด ส.ส.ไม่ใช่ครรลองประชาธิปไตยแบบไทย แต่อาจเป็นการใช้ทุกสรรพกำลังอำนาจที่มีอยู่เพียงผู้เดียว กดดันบีบบังคับให้นักการเมืองยอมศิโรราบเพื่อให้สนับสนุนด้วยสารพัดข้อต่อรองหรือไม่ การรับสภาพว่าไม่มีทางเลือก ต้องกลับไปดูดนั้นแปลว่าการปฏิรูปไม่มีอะไรก้าวหน้าหรือไม่ หรือเหตุผลที่ใช้ยึดอำนาจเป็นเพียงข้ออ้างที่จะเข้าสู่อำนาจโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง