รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 22 พฤษภาคม 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand มองปมข่าว “อดีตขุนพลไทยรักไทย” ที่ร่วมก่อตั้งพรรคร่วมกับ “ทักษิณ” ระดมสรรพกำลังตั้งพรรคใหม่ ยึดโมเดล “ไทยรักไทย”ผสาน “เพื่อไทย” หวังปลดล็อกประเทศออกจากวงจรสืบทอดอำนาจ สร้างกฎกติกาบิดเบี้ยว...แอดฯ อยากให้ฟัง “อ.พิชญ์” วิเคราะห์ข้อดี-ข้อด้อย ถ้าจะมีพรรคใหม่ ก็ต้องฟังเสียงคนรุ่นใหม่ ควบคู่กับปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากลุ่มอดีตผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทยหลายคน ได้เตรียมการเคลื่อนไหวทางการเมืองในนามกลุ่มพลังใหม่ และจะมีการต่อยอดไปถึงการตั้งพรรคการเมืองใหม่ นั้น
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ กลุ่มคนที่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและเป็นอดีตสมาชิกพรรคไทยรักไทย เตรียมการตั้งพรรคใหม่ใน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกมีนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีตรองนายกฯ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกฯ สมัยรัฐบาลทักษิณ โดยทั้ง 3 คนรู้กันดีว่าเป็นอดีตคนเดือนตุลาฯ และร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย กับ อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ต้น
อีกกลุ่มมี นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.พลังงาน เป็นแกนหลัก มีรายงานว่า สุดสัปดาห์นี้ นายพงษ์ศักดิ์ได้นัดหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ และเป็นประธานกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่ม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ ที่ยังเคลื่อนไหวร่วมกับอดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ที่ยังไม่ได้กลับพรรคเพื่อไทย ในนามกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย หลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรค ก็มีแนวทางตั้งพรรคใหม่เช่นกัน
มีแหล่งข่าว วิเคราะห์ว่า แนวคิดการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยแยกออกมาจากพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นหลักการเดิมที่เคยตั้งพรรคไทยรักษาชาติขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับสูตรคำนวณ ส.ส.ในรัฐธรรมนูญปัจจุบัน“ยังไม่แน่ชัดว่าสุดท้ายแล้วทั้ง 2-3 กลุ่มที่ว่า จะรวมกันเป็นกลุ่มเดียวหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาแต่ละกลุ่มก็ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ หลังจากนี้จะได้หารือกันเป็นระยะ จนมีความชัดเจนเพื่อเตรียมการในขั้นต่อไป รวมไปถึงคนในพรรคเพื่อไทยบางส่วน ที่ไม่แฮปปี้กับผู้บริหารชุดปัจจุบันไปร่วมงานด้วย ก็อาจแยกออกมาร่วมด้วย”
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า กลุ่มนายภูมิธรรม, นพ.สุรพงษ์ และ นพ.พรหมินทร์ ได้ติดต่อขอใช้อาคารบีบีดี ถ.พระรามที่ 4 เป็นที่ทำการชั่วคราว โดยอาคารบีบีดีเคยเป็นที่ทำการเดิมของพรรคเพื่อไทย สมัยก่อตั้งใหม่แทนพรรคพลังประชาชน และมีชื่อนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยา อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของ
ด้าน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว. พลังงาน กล่าวถึงกระแสข่าวข้างต้น ยอมรับว่ามีการพูดคุยกับหลายกลุ่มเรื่องการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เป็นความหวังให้ประชาชน โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งนี้สภาวะการเมืองปัจจุบัน พรรคการเมืองหลักๆที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ต่างมีความนิยมตกต่ำลงอย่างมาก หลายพรรคมีความแตกแยกภายในสูง ไม่สามารถสร้างความหวังให้กับประชาชนได้
การมีพรรคการเมืองใหม่ จึงมีโอกาสเกิดขึ้นและประสบความสำเร็จได้สูง หากสามารถสร้างความหวังและแก้ปัญหาให้กับประชาขนได้ หากพรรคการเมืองไม่สามารถสร้างความหวังได้ เกรงว่าโอกาสจะเกิดการเปลี่ยนแปลงนอกระบบจะมีสูง จะยิ่งทำให้ประเทศถอยหลังและย่ำแย่ลงไปอีก
ต่อมา นายสมพงษ์ ออกมากล่าวถึงกรณีตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า เป็นเรื่องปกติ และธรรมดา ซึ่งที่ผ่านมาตอนก่อนเลือกตั้งพรรคยังเคยมีการแยกตัว แยกพรรค คือ ทษช. เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบให้เป็นเช่นนั้น ส่วนที่บุคคลที่มีข่าวจะตั้งพรรคใหม่ อย่าง นายพิชัย วิเคราะห์ถึงเหตุผลที่ต้องแยกตัวเพราะกระแสนิยมของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทยลดลง ว่า ไม่มีอะไร กรณีวิเคราะห์สามารถมองได้ แต่ความเป็นจริงต้องพิจารณารายละเอียดทั้งเหตุการณ์ระยะสั้นและระยะยาวด้วย
ขณะที่นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนเขียนกันขึ้นเอง และยังไม่มีอะไร อย่างไรก็ดีเรื่องที่เป็นข่าวไปนั้น เชื่อว่าถึงเวลาจะมีคนพูดเอง โดยขณะนี้ยังทำงานในฐานะเป็นที่ปรึกษาของผู้นำฝ่ายค้านอยู่