ซัมซุงประกาศปิดโรงงานทุกแห่งในจีน สวนทาง 'เทสลา' เดินหน้าผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนในโรงงานแห่งใหม่
บริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ จะปิดโรงงานการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และมือถือทุกแห่งในจีนภายในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเมื่อปลายปีที่แล้วซัมซุงได้ปิดโรงงานผลิตที่เทียนจิน และในเดือนนี้จะปิดโรงงานที่ฮุยโจว ซึ่งเป็นโรงงานของซัมซุงแห่งสุดท้ายในแดนมังกร
ซัมซุงเปิดโรงงานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ในจีนนับตั้งแต่ปี 1992 ที่ผ่านมา โดยซัมซุงเป็นบริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มียอดการผลิตมากเป็นอันดับ 1 ของโลก โดยในปี 2017 โรงงานในจีนสามารถผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆได้ถึง 63 ล้านชิ้น ซึ่งกว่า 394 ล้านเครื่องเป็นโทรศัพท์สมาร์ทโฟน
ที่ผ่านมาส่วนแบ่งตลาดของซัมซุงในจีน คิดเป็นอัตราส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนของจีนถึง 15 เปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันส่วนแบ่งตลาดของซัมซุงในจีนเหลือเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้แก่หัวเว่ยและเสี่ยวมี่ สมาร์ทโฟนสัญชาติจีน
สาเหตุที่ซัมซุงปิดฐานการผลิตในจีนนั้นเนื่องจากค่าแรงในจีนที่เพิ่มสูงขึ้นและเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเรื่องของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ปลายปี 2000 ซัมซุงได้ย้ายฐานการผลิตมายังเวียดนามและทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์มือถือของซัมซุงไปโดยปริยาย โดยปัจจุบันซัมซุงมีพนักงานอยู่ในโรงงานที่เวียดนามกว่า 200,000 คน
ทั้งนี้นอกจากซัมซุงแล้ว บริษัทโซนี่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ต่างๆก็มีแผนที่จะปิดโรงงานในปักกิ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งจะเหลือโรงงานการผลิตในไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ขณะที่ในเดือนนี้ 'เทสลา' (Tesla) บริษัทรถยนต์จากสหรัฐฯ จะเดินหน้าการผลิตรถยนต์เทสลาในโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นโรงงานนอกสหรัฐฯ แห่งแรกของเทสลา โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถผลิตโมเดล 3 เอส ได้อย่างน้อย 1,000 - 2,000 คันต่อสัปดาห์
ความต้องการรถยนต์เทสลาโมเดล 3 เอสในจีนเพิ่มสูงขึ้นถึง 98 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 7 เดือนแรก โดยได้รับการยกเว้นภาษีการซื้อขาย 10 เปอร์เซ็นต์จากรัฐบาลจีนเพื่อเร่งให้เกิดการผลิตภายในประเทศ