ไฟป่าแอมะซอนที่เกิดขึ้นในประเทศบราซิลดำเนินมาอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์แล้ว ทำให้เกิดกระแสรณรงค์ช่วยเหลือจากแวดวงต่างๆ ทั่วโลก แต่ประชาชนบราซิลจำนวนมากรวมตัวประท้วงรัฐบาลปัจจุบัน โดยระบุว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้น มีต้นตอมาจาก 'ปัจจัยทางการเมือง' มากกว่าจะเป็นประเด็นทางสิ่งแวดล้อม
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนในหลายเมืองของบราซิล ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหาไฟไหม้ผืนป่าแอมะซอน ออกมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหานี้ พร้อมระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่เกิดจากการปรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของนายฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของบราซิล
ผู้ชุมนุมรายหนึ่งในเมืองปอร์ตูเวลู ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีแกนนำ แต่เกิดขึ้นเพราะประชาชนจำนวนมากต้องการปกป้องสิทธิของตัวเอง และปกป้องผืนป่าแอมะซอน โดยระบุว่า ไฟไหม้ป่าเกิดขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ประธานาธิบดีคนนี้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์เดอะนิวยอร์กไทม์สของสหรัฐฯ รายงานสถิติการเกิดไฟป่าในบราซิล ซึ่งรวบรวมจากภาพถ่ายดาวเทียมของ 'สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติบราซิล' พบว่าช่วง 6 เดือนแรกของปี 2019 มีไฟป่าเกิดขึ้นทั่วบราซิลถึง 7 หมื่น 4 พันจุด เพิ่มจากสถิติไฟป่า 4 หมื่นจุด ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 39 เปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่น่ากังวลเรื่องไฟป่าแอมะซอนครั้งนี้ก็คือว่า สาเหตุของไฟไหม้ ไม่ได้เกิดจากความแห้งแล้งในพื้นที่ แต่น่าจะเกิดจากการจุดไฟเผา
ผู้ประท้วงในบราซิลยกประเด็นไฟป่าเกิดจากการจุดไฟเผานี้มาเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยระบุว่าเป็นเรื่องที่สอดคล้องกับนโยบายผ่อนผันการใช้พื้นที่ป่าเพื่อการเกษตรและการพัฒนาของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เพราะพื้นที่ที่เกิดไฟป่ามีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ และรัฐบาลบราซิลชุดนี้ก็มีแผนที่จะพัฒนาหรือผ่อนผันการใช้ประโยชน์อยู่แล้ว ผู้ชุมนุมจึงเรียกร้องว่า ประชาคมโลกอาจต้องใส่ใจเรื่องต้นตอของการเกิดไฟป่าที่แท้จริงด้วย เพราะไฟป่าแอมะซอนไม่ได้เกิดขึ้นจากสภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากนโยบายทางการเมืองเป็นหลัก
ส่วนท่าทีของประธานาธิบดีบราซิลที่มีต่อข้อกล่าวหานี้ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน เพราะตั้งแต่เกิดไฟป่าแอมะซอนช่วงแรก นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในบราซิลก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลาม แต่ผู้นำบราซิลออกมาตอบโต้ว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นนี้มีกลุ่มเอ็นจีโออยู่เบื้องหลัง และเมื่อนายเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เรียกปัญหาไฟป่าแอมะซอนว่าเป็น 'วิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม' ผู้นำบราซิลก็ระบุว่า นายมาครงมีวิธีคิดแบบ 'นักล่าอาณานิคม' เข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศบราซิล ทั้งยังประกาศว่าบราซิลจะไม่รับเงินช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศ จี7 ซึ่งท่าทีแบบนี้ถูกมองว่าไม่ได้เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาไฟป่าแอมะซอนเลย