ทำเนียบขาวยื่นจดหมายถึงรองประธานาธิบดี ให้พิจารณาเลื่อนการแบนบริษัทที่ทำธุรกิจกับหัวเว่ยออกไป 2 ปี จากกำหนดเดิม เพื่อให้ภาคเอกชนปรับตัวเตรียมตัดขาดความสัมพันธ์ ขณะที่ โฆษกสำนักงบประมาณฯ ยืนยันหน่วยงานรัฐยังแบนการใช้หัวเว่ยอยู่
รัสเซล ที. วอต รักษาการผู้อำนวยการสำนักงบประมาณและการจัดการของทำเนียบขาว เผยว่า ต้องการเลื่อนการแบนไม่ให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้บริการบริษัทที่ทำธุรกิจกับหัวเว่ยหรือใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ย โดยเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิมเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งนายวอตระบุในจดหมายที่ส่งถึงนายไมก์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ อีก 9 คน ว่า การเลื่อนการแบนออกไปจะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ มีเวลาในการปรับตัวกับการแบน พร้อมชี้ว่าการแบนหัวเว่ยภายในระยะเวลาเดิมคือ 1 ปีกับอีก 1 เดือนข้างหน้า จะเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับบริษัทสัญชาติอเมริกัน
นายวอตระบุเพิ่มเติมว่า จากเสียงตอบรับของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้ที่ได้รับผลกระทบ คณะบริหารสำนักงบประมาณฯ เชื่อว่าการเพิ่มระยะเวลาเตรียมความพร้อมนี้ จะช่วยรับรองว่าการบังคับใช้มาตรการการแบนจะมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยไม่ต้องมีการประนีประนอมลดระดับเป้าหมายความปลอดภัยที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในคืนวันที่ 9 มิถุนายน นายเจคอบ วูด โฆษกประจำสำนักงบประมาณและการจัดการของทำเนียบขาวชี้แจงว่า นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับหัวเว่ย และการแบนไม่ให้หน่วยงานรัฐทำธุรกิจกับหัวเว่ยภายในปีนี้ก็ยังเป็นไปตามกำหนดเดิมได้อยู่
นอกจากนี้ ประกาศจากกระทรวงพาณิชย์ที่ขึ้นบัญชีดำห้ามไม่ให้บริษัทจากสหรัฐฯ ทำการค้าขายเทคโนโลยีใด ๆ ให้หัวเว่ยก็ยังคงมีผลตามเดิม ข้อเสนอนี้เป็นเพียงการรับรองว่าบริษัทที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลสหรัฐฯ รับเงินทุน หรือรับเงินกู้จากรัฐบาล จะมีเวลาในการตัดขาดการทำธุรกิจกับหัวเว่ยและบริษัทจีนอื่น ๆ ตามที่กำหนดในกฎหมายการป้องกันประเทศฉบับปี 2019 และหากการเลื่อนนี้ได้รับการอนุมัติ การแบนจะมีผลในอีก 3 ปี 1 เดือน