ไม่พบผลการค้นหา
หลายฝ่ายกังวลประเด็นความมั่นคงของชาติ หลังผู้นำสหรัฐฯ อดไม่ไหว เผลอเผยความลับกรณีซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์-มาตรการรับมือการก่อการร้าย อวดผู้นำต่างชาติ

สำนักข่าว CNN รายงานว่า ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูเหมือนจะสนุกกับการเป็นผู้คุมความลับขั้นสุดยอดของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประเด็นสำคัญในการที่สหรัฐฯ พยายามซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง ไปจนถึงรายละเอียดการรับมือกับผู้ก่อการร้าย และแผนการป้องกันประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนเป็นความลับขั้นสูงสุด ซึ่งไม่ควรถูกเปิดเผยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "จากปากของตัวผู้นำ"

อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 ระหว่างที่มีการเยือนของเจ้าหน้าที่รัฐบาลรัสเซีย ทรัมป์เปิดเผยข้อมูลลับกรณีการก่อการร้ายและปัญหาอื่นๆ ของทางการสหรัฐฯ กับเจ้าหน้าที่รัสเซียระหว่างการพูดคุยในห้องทำงานรูปไข่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในทำเนียบขาว ซึ่งเกือบทำให้แหล่งข่าวถูกเปิดโปง พฤติกรรมนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากต่อสาธารณะ อย่างไรก็ตามสิ่งแรกที่ทรัมป์ออกมากล่าวกับสังคมหลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็คือ "ผมมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะแบ่งปันข้อมูลเหล่านั้นกับเจ้าหน้าที่รัสเซีย" 

ในปีเดียวกันนั้น ทรัมป์เปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้นำฟิลิปปินส์ว่า สหรัฐฯ ได้ทำการเคลื่อนฝูงเรือดำน้ำไปใกล้เขตของเกาหลีเหนือเรียบร้อยแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับเจ้าหน้าที่ของทำเนียบขาวเป็นอย่างมากว่าเพราะเหตุใดผู้นำสหรัฐฯ จึงตัดสินใจเปิดเผยข้อมูลลับสุดยอดนี้กับผู้นำฟิลิปปินส์

ทรัมป์ - AFP

นอกจากนั้น ทรัมป์ยังกล่าวในบทสนทนาตอนหนึ่งที่ถูกบันทึกไว้เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2562 ว่า "ผมได้สร้างอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา ซึ่งเป็นระบบอาวุธที่ไม่มีใครเคยมีมาก่อนในประเทศนี้ เรามีอาวุธที่แม้แต่ปูติน หรือสีจิ้นผิง ก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนทั้งนั้น เรามีสิ่งที่เยี่ยมยอดมากๆ อยู่ในครอบครอง"

ต่อมาในเดือน พ.ค. 2563 ทรัมป์เปิดเผยข้อมูลด้านการพัฒนาอาวุธอีกครั้งจนทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ต้องออกมาชี้แจง โดยผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กองทัพสหรัฐฯ กำลังพัฒนาขีปนาวุธ "A new super duper missile" ซึ่งมีศักยภาพในการเดินทางไกลมากกว่าขีปนาวุธใดๆ ที่มีในปัจจุบันมากถึง 17 เท่า

หลังการเปิดเผยดังกล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง โฆษกของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ต้องออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า กลาโหมสหรัฐฯ กำลังพัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกจริง แต่จะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับขีดความสามารถของขีปนาวุธที่กำลังถูกพัฒนา

มากไปกว่านั้น ทรัมป์ยังเคยอวดอ้างถึงความพยายามในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ อย่างทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยพยายามผลักดันให้มีการเพิ่มงบประมาณเพื่อการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มากขึ้นกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญในการของบประมาณครั้งล่าสุด

AFP-โดนัลด์ ทรัมป์-รถถังอเมริกัน.jpg

แม้ประธานาธิบดี รองประธานาธิบดี และผู้มีอำนาจสูงสุดของหน่วยงานต่างๆ ภายใต้การกำกับของโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีอำนาจเหนือข้อมูลที่เป็นความลับระดับสุดยอดของสหรัฐฯ แต่พฤติกรรมการเปิดเผยข้อมูลลับต่างๆ จากปากของผู้นำก็ได้สร้างความเสียหายให้กับความสัมพันธ์ของทรัมป์และหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่สั่งคลอนอยู่แล้วให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาทรัมป์ตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการทำงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ มาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีพฤติกรรมที่ท้าทายการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่มีความมั่นใจอย่างมากว่า รัสเซียได้ทำการแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปี 2559 จนทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งจริง

ท้ายที่สุด พฤติกรรมการเก็บความลับของชาติไม่อยู่เช่นนี้ ได้ส่งผลไปยังความน่าเชื่อถือของตัวผู้นำสหรัฐฯ เองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเชื่อใจจากนานาชาติ ที่ตัดสินแบ่งปันข้อมูลลับของทางการกับ โดนัลด์ ทรัมป์ บนพื้นฐานข้อตกลงที่ว่าข้อมูลที่ถูกแชร์ระหว่างกันนั้นจะได้รับการรักษาไว้อย่างเป็นความลับเท่านั้น