กรมควบคุมมลพิษ รายงานข้อมูลคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 20 ม.ค. 2563 ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยกรมควบคุมมลพิษร่วมกับกรุงเทพมหานคร จำนวน 53 สถานี ตรวจวัดค่าได้ 47 – 89 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) โดยปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่จากเมื่อวาน โดยพบพื้นที่ที่มีปริมาณฝุ่นละอองอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (พื้นที่สีส้ม) 49 พื้นที่ ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ควรลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น และติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด

ด้านโลกออนไลน์ทวิตเตอร์ #ฝุ่นกรุงเทพ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ด้วยการทวีตภาพและข้อความแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่กำลังเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวกรุงเทพฯ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลรีบหาทางแก้ไข ก่อนที่ประชาชนจะสุขภาพแย่ไปกว่านี้ อีกทั้งยังแนะนำให้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน คือ ลดราคาหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ให้ประชาชนเข้าถึงได้ 

ในขณะที่ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ขอให้ประชาชนสนับสนุนนโยบายของรัฐ ที่จะออกมาเพื่อลดปัญหาฝุ่น แม้นโยบายดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของประชาชน แต่เพื่อประโยชน์ส่วนรวมทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึงประชาชน ต้องร่วมมือกันแก้ปัญหา สำหรับการลดปัจจัยที่ควบคุมได้เพื่อให้ฝุ่นในเมืองลดลง ประชาชนสามารถช่วยกันได้เพื่อตัวเราเองโดยเน้นที่การลดการปล่อยควันจากท่อไอเสียของยานพาหนะต่างๆ ให้ได้มากที่สุด มาตรการสมัครใจดังกล่าว อาทิเช่น ลดการใช้พาหนะส่วนตัว ใช้เท่าที่จำเป็น ดับเครื่องยนต์เมื่อไม่ใช้รถ ใช้รถโดยสารสาธารณะ เดินทางแบบ car –pool โดยผ่านทางแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น LILUNA หรือใช้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดควันน้อยที่สุด ใช้น้ำมัน B10 สำหรับรถที่รองรับ เป็นต้น

ทั้งนี้ เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของเราทุกคน มาตรการทางกฎหมายของรัฐจะเป็นมาตรการบังคับ ควบคุม เพื่อแก้ปัญหาปัจจัยที่ควบคุมได้และไม่ได้ในภาพรวม ระยะยาว ซึ่งหากเราทุกคนร่วมมือกันทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มาตรการแบบสมัครใจนี้เองจะช่วยบรรเทาความรุนแรงของปัญหาฝุ่นนี้ได้ ทั้งนี้เพื่อสุขภาพของเราและลูกหลานของเราเอง