ไม่พบผลการค้นหา
รายงานจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม แจ้งว่า วันที่ 21 ธ.ค. นี้ เวลา 13.30 น. ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นัดสืบพยานในคดีหมายเลขดำ พ949/2560 กรณีฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหตุถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ทำร้ายทรมานร่างกาย เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552

คดีนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2560 ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร พร้อมด้วย สมศักดิ์ ชื่นจิตร ผู้เป็นบิดา เดินทางเข้าฟ้องร้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ในข้อหาละเมิด เรียกค่าเรียกหาย พ.ร.บ.ความละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เป็นจำนวนเงิน 20,800,000 บาท กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัด ให้รับผิดชอบและชดใช้ค่าเสียหาย 

จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 ที่ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายทรมานร่างกาย เพื่อบังคับให้รับสารภาพในคดีวิ่งราวทรัพย์หญิงคนหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งนายฤทธิรงค์ไม่ได้เป็นผู้กระทำ 

ก่อนหน้านี้ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้พิจารณาและมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีอาญาที่ฤทธิรงค์ฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมาน

ต่อมา คดีอาญาดังกล่าวมีคำพิพากษาในชั้นศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2562 และคดีถึงที่สุดแล้ว โดยศาลตัดสินลงโทษตำรวจที่ซ้อมทรมานฤทธิรงค์ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้จึงนำคดีดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาอีกครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ศาลจำเป็นต้องเลื่อนนัดพร้อมออกไปก่อน 

ด้านสมศักดิ์ บิดาของฤทธิรงค์ กล่าวว่า กว่า 12 ปี ที่ฤทธิรงค์กับตน ต้องขึ้นศาล พร้อมกับทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เป็นที่ทราบกันว่า ศาลเป็นสถานที่ที่ใครก็ไม่อยากมา เพราะนอกจากจะเสียเวลา เสียเงิน และยังต้องเสียแรงกำลังเป็นจำนวนมาก ภาพของกระบวนการยุติธรรมจึงเป็นภาพที่เห็นได้ชัดเจนว่า ถ้ามาตรการใดทำแล้วมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดไปโดนคนบริสุทธิ์ มันส่งผลร้ายกับคนๆ หนึ่งไปตลอดชีวิต

อ่านรายงานพิเศษ : 12 ปีบาดแผลแพะรับบาป:เมื่อผมถูกทรมาน…ผมจึงมาตามหาความยุติธรรม