ไม่พบผลการค้นหา
สว.รีพับลิกันหลายคนชี้ แม้อดีตผู้นำสหรัฐฯ จะพ้นผิดจากการถูกยื่นถอดถอนในครั้งที่ 2 เขาไม่อาจมีอนาคตในการลงสมัครศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2567 อีกต่อไป ท่ามกลางการไต่สวนดำเนินการถอดถอนทรัมป์กำลังเกิดขึ้น ก่อนตัดสินจริงต้นสัปดาห์หน้า

เป็นที่ทราบกันดีว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กลายเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนแรกในรอบเกือบ 200 ปีที่ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 2 ครั้ง และยังเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกดำเนินการถอดถอนภายหลังจากที่หมดวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้ว โดยในวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา สภาสูงหรือวุฒิสภาของสหรัฐฯ ได้ดำเนินการเริ่มต้นกระบวนการไต่สวนญัตติขอถอดถอนทรัมป์ ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การดำเนินการไต่สวนจะกินเวลาทั้งสิ้น 4 วันเต็ม ซึ่ง สส.พรรคเดโมแครตได้มีการงัดหลักฐานเป็นทวีตหลายสิบทวีตของทรัมป์พร้อมคลิปวิดีโอมากมายจากเหตุจลาจลที่ผู้สนับสนุนทรัมป์แสดงออกถึงความรุนแรงอย่างมาก เช่น การบุกเข้าไปยังห้อง แนนซี พีโลซี ประธานาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมแสดงความต้องการที่จะสังหารเธอ

ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกแสดงต่อสภาสูงเพื่อใช้ประกอบการยื่นถอดถอนทรัมป์ หนึ่งในหลักฐานสำคัญคือคำกล่าวของทรัมป์ในเช้าวันที่ 6 ม.ค.ว่า "ถ้าพวกคุณไม่สู้ให้ถึงที่สุด พวกคุณก็จะไม่มีประเทศให้อยู่อีกต่อไป" และการกล่าวหลังจากเกิดจลาจลว่า "เรารักพวกคุณ พวกคุณคือคนพิเศษ" ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนทรัมป์ราว 800 คน ก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตันเพื่อขัดขวางพิธีการรับรอง โจ ไบเดน ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 

AFP - ทรัมป์ ทำเนียบขาว สหรัฐฯ

เจมี แรสกิง สส.สังกัดพรรคเดโมแครตจากมลรัฐแมร์รีแลนด์ หัวหน้าทีมยื่นถอดถอนทรัมป์ ระบุว่าพฤติกรรมของทรัมป์ตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งในวันที่ 3 พ.ย.2563 เรื่อยมาจนกระทั่งวันที่ 6 ม.ค.2564 แสดงให้เห็นว่าทรัมป์มีส่วนปลุกระดมการก่อจลาจล ไม่ใช่เพียงคนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าทวีตที่สองของทรัมป์ที่มีขึ้นในวันที่มีการก่อจลาจลที่ว่า "Remember this day forever." หรือ "จดจำวันนี้ตลอดไป" ไม่ได้มีน้ำเสียงไปในทางเศร้าหรือผิดหวัง แต่มีลักษณะของการพึงพอใจและเฉลิมฉลองมากกว่า ขณะที่ตัวทรัมป์เองใช้เวลา 2 ชม.ไปกับการนิ่งเฉย ไม่พยายามหยุดยั้งการก่อจลาจล เหมือนกับนั่งชม 'เรียลลิตีโชว์' อยู่หน้าโทรทัศน์


แม้พ้นผิด แต่ใช่ว่าจะมีอนาคตที่สดใสทางการเมือง

หลังการนำเสนอข้อมูลอันน่าเจ็บปวดของ สส.เดโมแครต ทนายความชุดใหม่ของทรัมป์ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนทนายความชุดเก่าที่เพิ่งจะลาออกไปก่อนการไต่สวนจะเริ่มขึ้น จะใช้เวลา 1 วันในการยื่นหลักฐานโต้แย้ง 

อย่างไรก็ตาม การจะเอาผิดทรัมป์ได้จะต้องมีเสียง 2 ใน 3 ของสภาสูงโหวตสนับสนุน นั่นหมายถึงเสียงจาก สว.พรรคเดโมแครตทั้งหมด 50 เสียง และจากพรรครีพับลิกันอีกอย่างน้อย 17 เสียง อย่างไรก็ตามขณะนี้มี สว.พรรครีพับลิกันไม่ถึง 10 คนที่ต้องการสนับสนุนการถอดถอนทรัมป์ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากว่าทรัมป์จะพ้นผิดและไม่ถูกถอดถอน 

แม้ทรัมป์จะพ้นผิด แต่นั่นไม่ได้หมายความอนาคตทางการเมืองจะสดใสเช่นเคย The Hill ชี้ว่า สว.พรรครีพับลิกันหลายคนมองว่า ภายหลังจากที่ได้รับฟังการนำเสนอหลักฐานเอาผิดทรัมป์จากพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของผู้สนับสนุนทรัมป์ที่บุกอาคารรัฐสภาอันทรงเกียรติในวันที่ 6 ม.ค. พร้อมการตะโกนเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารว่าเป็น "พวกผู้ทรยศ"

รวมถึงคำกล่าวของทรัมป์ในเช้าว่าที่ 6 ม.ค.ว่า "ถ้าพวกคุณไม่สู้ให้ถึงที่สุด พวกคุณก็จะไม่มีประเทศให้อยู่อีกต่อไป" และการกล่าวหลังจากเกิดจลาจลว่า "เรารักพวกคุณ พวกคุณคือคนพิเศษ" ทำให้ สว.รีพับลิกันคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "มันทำให้คุณตระหนักได้ว่า ทรัมป์เป็นคนเฮงซวยขนาดไหน" ขณะที่ สว.รีพับลิกันหลายคนมองว่าแม้ทรัมป์จะพ้นผิด แต่เขาไม่อาจสามารถเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 ได้อีกต่อไป