ไม่พบผลการค้นหา
หลังใช้ชีวิตในคุกมามากกว่า 40 ปี ชาร์ลส์ แมนสัน เจ้าลัทธิสังหารโหดที่โด่งดังที่สุดในช่วงปลายยุคหกศูนย์ เสียชีวิตลงแล้วในวัย 83 ปี

รายงานจากกรมราชทัณฑ์แคลิฟอร์เนียระบุว่า ชาร์ลส์ แมนสัน (Charles Manson) เสียชีวิตจากเหตุธรรมชาติ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 พ.ย.60) ปิดตำนานลัทธิคัลท์สยองขวัญอันโด่งดังในวัย 83 ปี


Obit Charles Manson_Rata (4).jpg

ภาพถ่ายล่าสุดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2017 (California Department of Corrections and Rehabilitation via AP)


แมนสันเป็นเจ้าของความคิดเบื้องหลังการฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมในเดือนสิงหาคม ปี 1969 แม้ไม่เคยลงมือเอง แต่ผู้ติดตามเขาที่เรียกว่าเป็น "ครอบครัวแมนสัน" (Manson Family) ได้คร่าชีวิตไปทั้งหมด 7 ศพ หนึ่งในนั้นคือภรรยาที่ตั้งครรภ์ของผู้กำกับชื่อดัง โรมัน โปลันสกี้ (Roman Polanski)

จากชีวิตวัยเด็กที่ไม่มีใครต้องการในอินเดียนา แมนสันเคยถูกแม่แท้ๆ ขายเขาเพื่อแลกกับเบียร์ไม่กี่ขวด แต่ลุงของเขาไปรับกลับมาในภายหลัง ทั้งยังเคยถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และใช้ช่วงเวลาวัยรุ่นเข้าๆ ออกๆ เรือนจำจากการก่ออาชญากรรมอยู่เสมอ โดยมีบันทึกว่าเขามีอาการทางจิต 


Obit Charles Manson_Rata (2).jpg

จนกระทั่งปี 1967 เมื่อแมนสันพ้นโทษ เขาถึงกับบอกผู้คุมว่าไม่อาจออกไปข้างนอกได้อีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้รับอิสระและย้ายไปอยู่ซานฟรานซิสโก

ในช่วงปี 1967-1968 ที่กระแสฮิปปี้รุ่งเรือง แมนสันซึ่งมีความสามารถด้านดนตรีได้คลุกคลีกับคนในวงการเพลงเช่นวง The Beach Boys เขาและเพื่อนตั้งกลุ่มใช้ยาเสพติด และเริ่มมีผู้ติดตามที่คลั่งไคล้และมองเขาว่าเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ ด้วยการพูดถึงพระเจ้า ปีศาจ สงครามและวันสิ้นโลก กระทั่งสามารถฆ่าคนได้ตามคำสั่งของเขา


เริ่มตำนานสังหารโหด

การฆาตกรรมครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปี 1969 เพียงศพเดียว แต่เดือนต่อมาการสังหารโหดก็เริ่มขึ้นที่บ้านของโรมัน โปลันสกี้ ที่ไปต่างประเทศในช่วงนั้น โดยกลุ่มสาวกของแมนสันได้เข้าไปฆาตกรรมชารอน เทต (Sharon Tate) นักแสดงสาวผู้เป็นภรรยาตั้งครรภ์ 8 เดือนด้วยการแทง 16 ครั้ง และยังฆ่าเพื่อนของเธออีก 3 คนอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะหนีไป 


Obit Charles Manson_Rata (8).jpg

เย็นวันต่อมา กลุ่มสาวกของแมนสันลงมืออีกครั้ง ด้วยการบุกเข้าไปในบ้านและฆ่าสามีภรรยาอีกคู่หนึ่ง รวมทั้งสองคืน 7 ศพ มีบาดแผลถูกแทงรวม 169 ครั้ง และถูกยิงอีก 7 ครั้ง มีการเขียนคำว่า pig บนกำแพงและประตูบ้าน และใช้เลือดเขียนคำว่า Helter Skelter ซึ่งเป็นเพลงของ The Beatles ที่แมนสันคลั่งไคล้ ภายหลังผู้ลงมือให้การว่าเพราะแมนสันต้องการก่อสงครามสีผิว จึงสร้างหลักฐานป้ายความผิดให้กับกลุ่ม Black Panthers

แมนสันและผู้ติดตามถูกจับในเดือนตุลาคม ปี 1969 จากข้อหาลักขโมย ก่อนที่ในกลุ่มจะให้การเชื่อมโยงมาถึงตัวแมนสันในฐานะผู้นำ แต่แม้ในขณะไต่สวนความผิด ครอบครัวแมนสันก็ยังหัวเราะ ร้องเพลง ไปจนถึงสลักเครื่องหมาย X ลงบนหน้าผากให้กัน นอกจากนี้ Atkins หนึ่งในสาวกหญิงของเขา ยังเคยกล่าวกับเพื่อนนักโทษว่าเธอลงมือฆ่าชารอน เทต และเพื่อนเพราะพวกเขา "อยากก่ออาชญากรรมที่สามารถช็อกคนทั้งโลก"


Obit Charles Manson_Rata (3).jpg

ในตอนแรก ผลการตัดสินออกมาว่าแมนสันต้องรับโทษประหารชีวิต แต่เพิ่งมีการยกเลิกโทษประหารชีวิตได้ไม่นาน โทษของเขาจึงปรับเป็นการจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งคำขออภัยโทษทั้งหมด 12 ครั้งของแมนสันถูกปฏิเสธ แต่ก็ยังมีหญิงสาววัย 26 ปีที่หลงใหลแมนสัน ยื่นเรื่องขออนุญาตแต่งงานกับเขา แม้ว่าเขาอยู่ในคุกมาตลอดก็ตาม 

เรื่องราวของแมนสันถูกนำไปเขียนหนังสือ สร้างเป็นภาพยนตร์ และละครเวทีอีกมากมาย สถานที่เกี่ยวข้องกับเขากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว จนลัทธิคัลท์สุดสยองช็อคโลก ผลผลิตจากสังคมป่วยไข้ของอเมริกันชน ปัจจุบันได้กลายเป็น "ป๊อบคัลเจอร์" ในที่สุด