ไม่พบผลการค้นหา
จากกรณีที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความแกนนำฝ่ายค้าน ทั้ง ‘สมพงษ์ อมรวิวัฒน์’หน.พรรคเพื่อไทย ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’หน.พรรคอนาคตใหม่ ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’หน.พรรคประชาชาติ พร้อมนักวิชาการ รวม 12 คน หลังเปิดเวทีสัมมนาแก้ไข รธน. ที่ จ.ปัตตานี ในความผิด ม.116 ฐานยุยงปลุกปั่น

โดย ‘บิ๊กเดฟ’พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบหมายให้ พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ อดีตมือกฎหมายยุค คสช. ในฐานะผู้ชำนาญการสำนักงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ไปแจ้งความ ต่อมาฝ่ายค้านได้ทำการฟ้องกลับ พล.ท.พรศักดิ์ และ พล.ต.บุรินทร์ ฐานแจ้งความเท็จกับกองปราบปรามด้วย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นเรื่องที่หน่วยในพื้นที่พิจารณาฟ้องร้อง พร้อมย้ำว่าไม่มีใครสั่งและไม่เกี่ยวกับนายกฯไปสั่งการ เพราะเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่ติดตาม แม้จะไม่มีการห้ามจัดเวที แต่ต้องดูว่าสิ่งที่พูดผิดกฎหมายหรือไม่

ทั้งนี้มีรายงานว่าฝ่ายความมั่นคงได้เก็บเทปการสัมมนาไว้ทั้งหมด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการเอาผิดทั้ง 12 ราย ซึ่งแต่ละคนก็มีคำพูดในส่วนที่ต้องรับผิดชอบของตัวเอง จึงไม่ใช่ความผิดแบบ ‘เหมารวม’ เรื่องการแก้ไข รธน. มาตรา 1 เพราะเป็นเพียงคำพูดของนักวิชาการคนหนึ่งเท่านั้น แต่การพูดถึง มาตรา 1 ก็มีความเชื่อมโยงไปถึงมาตราและหมวดอื่นๆด้วย

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ 7 พรรคฝ่ายค้าน ได้เดินสายพบสื่อ โดยได้ย้ำจุดยืนการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 จะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับ หมวด 1 และ หมวด 2 เป็นอันขาด

นอกจากนี้ฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินการเดินเกมของฝ่ายค้านว่ากำลังเดินเข้าหามวลชนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล และมีความพยายามโจมตีสถาบันทางการเมือง 5 อย่าง ได้แก่ รัฐธรรมนูญ ตุลาการ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และกองทัพ 

อีกทั้งปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมไทยเปลี่ยนแนวคิดไปมากจากเดิม ‘สงครามสีเสื้อ’ มาถึง ‘เอา-ไม่เอา คสช.’ และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นใหม่การต่อสู้ทาง ‘อุดมการณ์ทางการเมือง’ ที่แบ่งขั้วชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้แต่ละฝ่ายก็ต้องแย่งชิงมวลชนเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะ ‘คนกลางๆ’ ในสังคม ที่ยังไม่เลือกขั้วใดอย่างสุดโต่ง แน่นอนว่า ‘คนกลางๆ’ ในสังคมก็จะมีบางเรื่องที่เอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง สิ่งที่แต่ละฝ่ายต้องทำคืออุดรูรั่วของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ในขั้วของฝ่ายรัฐบาลและกองทัพที่อยู่กลางแจ้งมากกว่า ก็ย่อมเสียเปรียบ ที่จะถูกโจมตีได้ง่ายกว่า

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลุกลามไปทั่ว กอ.รมน. ถึงกับมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มี คสช. แต่ยังมี กอ.รมน.”

ทำให้ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ออกมาชี้แจง ว่า ไม่ใช่การเพิ่มอำนาจ แต่เป็นการเพิ่มบทบาท โดย กอ.รมน. ต้องเข้าไปเป็นแกนกลางในการประสานงาน เพื่อขับเคลื่อนงานทุกมิติที่เกิดขึ้นปัจจุบัน เพราะ กอ.รมน. ต้องดูแลทุกพื้นที่ หากพื้นที่ใดมีปัญหาเกิดขึ้น และหน่วยงานไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หากมีหน่วยงานรับผิดชอบมากกว่า 2 หน่วยงาน ทาง กอ.รมน. ก็จะเพิ่มบทบาทเข้าแก้ปัญหา

พรรคฝ่ายค้าน.jpg

สำหรับ กอ.รมน. มีงานที่ต้องรับผิดชอบอยู่ 23 หน้าที่ เช่น งานการดูแลป่าไม้ เป็นต้น ดังนั้น กอ.รมน. จึงมีบทบาทแตกต่างจาก คสช. อย่างชัดเจน

หากย้อนกลับไปช่วงปี 2560 ได้มีการปรับโครงสร้าง กอ.รมน. ตั้งศูนย์การประสานการปฏิบัติ หรือ ศปป. 1-5 ขึ้นมา ได้แก่ ศปป.1 กลุ่มงานเสริมสร้างความมั่นคงของรัฐ ได้แก่ การปกป้องสถาบันหลักของชาติ การสร้างความปรองดอง งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

ศปป.2 กลุ่มงานเสริมสร้างความมั่นคงทางสังคม ได้แก่ การปราบปรามการค้ามนุษย์ แรงงานต่างด้าว ยาเสพติด การจัดระเบียบต่างๆ

ศปป.3 กลุ่มงานเสริมสร้างความมั่นคงแบบพิเศษ ได้แก่ ปัญหาการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยคุกคามทางไซเบอร์

ศปป.4 กลุ่มงานเสริมสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม พลังงาน และอาหาร

ศปป.5 กลุ่มงานเสริมสร้างความมั่นคงเฉพาะพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

จึงทำให้ กอ.รมน. ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการ ‘ผ่องถ่าย’ งานของ คสช. มายัง กอ.รมน. เพื่อรองรับหาก คสช. สิ้นสภาพแล้ว รวมทั้งหาก พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้งด้วย แม้ในขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จะปฏิเสธก็ตาม ว่า “คสช. คือ คสช. ส่วน กอ.รมน. คือ กอ.รมน. เป็นหน่วยงานปกติ แต่ คสช.เป็นหน่วยงานไม่ปกติ“

ทหาร กองทัพ MG_1232.JPG

รวมทั้งสิ่งที่ กอ.รมน. ถูกมองมาโดยตลอดคือมีภาพของ ‘ทหาร’ มากเกินไป จนถูกมองว่าเป็น ‘เครื่องมือกองทัพ’ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ทราบดีถึงจุดนี้ จึงให้นโยบาย ‘ปรับภาพลักษณ์ กอ.รมน.’ ผ่านการปรับโครงสร้าง กอ.รมน. ในระดับผู้บริหาร โดยเฉพาะในศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่มีการวางโมเดลสัดส่วนของ ทหาร-ตำรวจ-พลเรือน อัตรา 2 : 1 : 1 เพื่อให้เป็นภาพ ‘พลเรือน’ มากขึ้น แต่ทหารยังคงเป็นหลักในการทำงาน เพื่อให้ กอ.รมน. เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน แต่ผ่านมา 1-2 ปีแล้ว แผนงานนี้ ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

หากดูตามโครงสร้าง พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ จะเป็น ผอ.รมน. โดยตำแหน่ง และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เป็น รอง ผอ.รมน. โดยตำแหน่งด้วย

ล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เตรียมขึ้นเวทีบรรยายพิเศษ ประเด็นที่เกี่ยวกับบทบาทกองทัพในการดูแลความมั่นคงภายใต้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคต ที่ หอประชุมกิตติขจร บก.ทบ.ราชดำเนิน 11 ต.ค.นี้ โดยเป็นหนึ่งในกิจกรรมมวลชนสัมพันธ์ของกองทัพบก เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าใจแก่ผู้นำองค์กร มวลชน ประชาชน รวมทั้งสื่อมวลชน ในการเผยแพร่ข้อมูลความรู้ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์แก่สาธารณชน

อภิรัชต์

อย่างไรก็ตามเมื่อกลาง ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ เปิดเผยว่า กำลังเขียนบทความเชิงวิทยานิพนธ์ เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาในอดีต รวมถึงความเชื่อมโยงต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงและสถานการณ์ในปัจจุบันรวมถึงเรื่องโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชนด้วย

โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ตอน ประเด็นหลัก คือ อิทธิพลของโซเชียลมิเดียที่มีผลต่อสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง พร้อมกันนี้เมื่อช่วงปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์ ระบุว่า “เดี๋ยวจะมีคนเดือดร้อน” เมื่อสื่อถามถึงความคืบหน้าการเปิดเผยบทความเชิงวิทยานิพนธ์

ล่าสุด พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุว่า ตนจะพูดเรื่องสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เพราะใครจะเข้าใจปัญหาภาคใต้ได้ดีกว่าคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยตนเคยอยู่ในพื้นที่เป็นอดีตผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลามาก่อน เคยกิน เคยนอน และทำงานในพื้นที่เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง

ทั้งหมดนี้จึงต้องจับตาว่า พล.อ.อภิรัชต์ จะบรรยายสิ่งใดบ้าง หากร้อยเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ ก็จะสามารถ ‘ต่อจิ๊กซอว์’ เหตุการณ์ต่างๆได้เป็นระบบ โดยเฉพาะการวิพากษ์ 5 สถาบันทางการเมือง ‘รัฐธรรมนูญ ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ กองทัพ’ 

โดยเฉพาะ ‘สถาบันตุลาการ’ ที่กำลังเป็นประเด็นล่าสุด ต่อเนื่องมาจาก สถาบัน รัฐธรรมนูญ ที่กำลังถูกกระแสให้มีการแก้ไข

ฝ่ายบริหารที่ถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น , ฝ่ายนิติบัญญัติ แบ่งเป็น สภา ส.ส. ที่เป็น ‘สภาเสียงปริ่มน้ำ’

ส่วน ส.ว. ก็ถูกมองว่าเป็น ‘ร่างทรง คสช.’ และสถาบันกองทัพที่ถูกโจมตีมาตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ที่พรรคฝ่ายค้านชูธง ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ซึ่งขณะนี้คิวมาถึง กอ.รมน. แล้ว

ดูแล้วงานนี้มี ‘คนเดือดร้อน’ แน่นอน แต่จะใครบ้างนั้น รอชม !!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปริศนา ลายพราง
164Article
0Video
39Blog