ไม่พบผลการค้นหา
ครม.อนุมัติให้ ขสมก.กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ปีงบ 2565 จำนวน 7,803 ล้านบาท เผยขาดทุนยับ ไม่ได้รับเงินชดเชย เก็บค่าโดยสารถูก ต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง

เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 7,803.718 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลัง เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆในการกู้เงิน

โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ขสมก.ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากผลประกอบการที่ขาดทุนและไม่ได้รับเงินชดเชยผลการขาดทุนตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการที่ ขสมก.เก็บค่าโดยสารตามอัตราที่ภาครัฐกำหนดซึ่งต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง และไม่สามารถปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามสภาวการณ์ปัจจุบันได้

ไตรศุลี

ไตรศุลี กล่าวว่า นอกจากนี้แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก.ฉบับปรับปรุงใหม่ อยู่ระหว่างการทบทวนตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและยังไม่ได้รับความเห็นชอบจาก ครม. จึงทำให้ในปีงบประมาณ 2565 ขสมก.มีภาระที่ต้องชำระหนี้เงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระ โดย ณ วันที่ 31 ม.ค. 2564 ขสมก.มีหนี้สินค้างชำระรวมทั้งสิ้น 127,797.432 ล้านบาท

โดย ขสมก.ได้ทำประมาณการเงินสดรับ-จ่ายในปีงบประมาณ 2565 คาดว่าจะมีเงินสดคงเหลือปลายงวดขาดมือจำนวน 32,926.490 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน

ไตรศุลี กล่าวว่า ดังนั้น ขสมก.จึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 32,926.490 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะนำไปชำระหนี้คืนเงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระและไถ่ถอนพันธบัตรเงินกู้จำนวน 25,122.772 ล้านบาท ซึ่งขสมก.ได้เสนอสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อบรรจุเข้าแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2565 แล้ว

จึงคงเหลือเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเป็นเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานของ ขสมก.ในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 7,803.718 ล้านบาท ตามที่ เสนอให้ครม.อนุมัติ แยกเป็น ชำระค่าเชื้อเพลิง 2,867.033 ล้านบาท, ชำระค่าเหมาซ่อม 1,667.085 ล้านบาท และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 3,269.600 ล้านบาท ซึ่งการกู้เงินของขสมก.ครั้งนี้จะทำให้ประหยัดค่าดอกเบี้ยค้างชำระได้ปีละ 232 ล้านบาท