ไม่พบผลการค้นหา
สงครามการค้า-เศรษฐกิจโลก ทำให้จำนวนเศรษฐีพันล้านน้อยลง 57 คน ขณะเศรษฐีจากจีนเจ็บตัวหนักสุด

ตามข้อมูลจากรายงานเชิงลึกมหาเศรษฐีโลกปี 2561 ของยูบีเอส พบว่า จำนวนมหาเศรษฐีในโลกปีนี้น้อยกว่าปี 2560 ถึง 57 คน นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ที่ตัวเลขมหาเศรษฐีของโลกลดลง 

จำนวนมหาเศรษฐีที่มีเงินในบัญชีด้วยเลขศูนย์ต่อท้ายถึง 9 ตัว ตกลงจาก 2,158 ในปี 2560 ลงมาอยู่ที่ 2,101 ในปี 2561 ส่งผลให้เม็ดเงินโดยรวมของเศรษฐีเหล่านี้ตกลงราวร้อยละ 4.3 จากสถิติที่ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 270 ล้านล้านบาท มาอยู่ที่ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 258 ล้านล้านบาท ซึ่งก็ยังมากกว่ามูลค่าของแอปเปิล บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกถึง 8 เท่า

'โจเซฟ สแตดเลอร์' หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสินทรัพย์สูงของธนาคารยูบีเอส กล่าวว่า การเติบโตของมหาเศรษฐีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมากำลังอยู่ในช่วงจัดระเบียบใหม่ อันเนื่องมาจากปัญหาใหญ่ทางภูมิรัฐศาสตร์ 

มหาเศรษฐีต้องการความเท่าเทียมเช่นเดียวกัน

'โจเซฟ' กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนว่า ปัจจุบันนี้ที่ทุกคนพูดถึงช่วงหว่างระหว่างความเหลื่อมล้ำนั้นเป็นการมองจากฝั่งเดียว คือฝั่งของคนจน และ "ไม่มีใครถามว่าคนรวยเหล่านี้สร้างมูลค่าเท่าไหร่ (ให้สังคม)"

นอกจากนี้ 'โจเซฟ' ยังให้สัมภาณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ อ้างว่า สื่อทุกวันนี้มีอคติต่อคนรวย ในการพูดถึงความไม่เสมอภาคมักจะชอบหยิบยกแต่ประเด็นความโลภของคนรวย หรือคนรวยชอบทำนาบนหลังคนมาอ้าง ซึ่งทำให้การนำเสนอข่าวออกไปมาจากฝ่ายเดียวและไม่ครอบคลุม 

เศรษฐีจีนรับศึกหนัก

ท่ามกลางการชะลอตัวของการเป็นมหาเศรษฐี รายงานชี้ว่าเศรษฐีในเอเชียอย่างจีนและอินเดียรับศึกหนักสุดในปี 2561 ที่ผ่านมา จากประเด็นสงครามการค้าเป็นหลัก ตามมาด้วยความกลัวต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

มูลค่าความมั่งคั่งรวมของเศรษฐีจีนตกลงถึงร้อยละ 12.8 อันเนื่องมาจากตลาดหุ้นที่ดิ่งลง เงินหยวนอ่อนค่า และการเติบโตของเศรษฐกิจอันดับสองของโลกที่ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี 

ตัวเลขมหาเศรษฐีในจีนลดลงถึง 39 คน ลงมาอยู่ที่เพียง 436 คน โดยรายงานเสริมว่า แท้จริงแล้วมีคนจีนถึง 103 คน ที่มีทรัพย์สินตกลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่าพันล้านกอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่อีก 56 คน เกือบตกลงไปต่ำกว่าระดับพันล้านเหรียญ

อ้างอิง; The Guardian, CNBC