น.ส. วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้บุคลากรด้านสาธารณสุข และเจ้าหน้าท้องถิ่น ทำงานหนักมาก ต้องรับภาระทั้งการตั้งด่านคัดกรองประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง การพูดคุยทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และทำการตรวจหาเชื้อ หากพบว่าคนในพื้นที่เป็นผู้ติดเชื้อหรือพาหะในการแพร่เชื้อในหมู่บ้าน จะทำการคัดแยกออกไปอยู่ในสถานที่กักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการ พร้อมทั้งดูแลตลอดการกักตัว แม้จะมีการลดลงของผู้ติดเชื้อแต่จะประมาทไม่ได้ 

การทำงานเจ้าหน้าที่ อสม.และท้องถิ่น ในสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 ถือเป็นด่านแรกในการคัดกรองประชาชนทั้งกลุ่มเสี่ยง คนที่ติดเชื้อที่ยังไม่แสดงอาการ และประชาชนทั่วไป ก่อนจะมีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลนั้น อสม. ต้องทำงานเสี่ยงบนความไม่พร้อม เพราะไม่มีอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเอง ทั้งหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ โดยเฉพาะ เครื่องวัดอุณหภูมิ พบว่าบางพื้นที่ 10 หมู่บ้านมีเพียง 1 ตัว สร้างปัญหาในการทำงานมาก ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางทีมงานพรรคเพื่อไทยร่วมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่สนับสนุนงบประมาณบางส่วน รวมทั้งอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเองและเครื่องมือในการวัดไข้ให้กับประชาชนในพื้นทีให้กับทางอสม.ไว้ทำงาน

น.ส.วิสาระดี กล่าวด้วยว่า จากการทำงานหนัก เพื่อเป้าหมายการปกป้องชีวิตประชาชน รัฐควรที่จะให้ความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา ทั้งท้องถิ่นและ อสม.นั้นมีค่าตอบแทนน้อยมาก ดังนั้นการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการอื่นๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ถือเป็นสิ่งที่รัฐต้องทำเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง 

ดังนั้น รัฐควรเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.จากเดิมที่ได้เพียงเดือนละ 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเงินจำนวนมากอะไร ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายเท่านี้ที่ทำประโยชน์ให้กับรัฐ รวมทั้งเพิ่มเบี้ยเลี้ยง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำกับหน่วยงานอื่น เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่

อสม.และผู้นำท้องถิ่นไม่ต่างจากการเข้าสนามรบ ที่ผ่านมาทหารในกองทัพที่มีทั้งเบี้ยเลี้ยง ค่าเสี่ยงภัย ค่าข้าว รัฐต้องหยุดสร้างความเหลื่อมล้ำในการทำงาน และให้ความเคารพกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ อสม. มากกว่าที่ผ่านมา หากต้องการชนะรัฐต้องจริงใจกับการทำงานของเจ้าหน้าท้องถิ่น อย่าให้คนเหล่านี้สู้โดยลำพัง