ไม่พบผลการค้นหา
อดีตนักร้อง แพท พาวเวอร์แพท ได้รับการปล่อยตัว หลังจากจำคุกคดียาเสพติดนาน 16 ปี 6 เดือน เผยสิ่งแรกที่ตั้งใจทำหลังชีวิตเป็นอิสระอยากบวชให้แม่

หลังจำคุกคดียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ รวมระยะเวลา 16 ปี 6 เดือน ที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี อดีตนักร้องหนุ่ม แพท-วรยศ บุญทองนุ่ม หรือ แพท พาวเวอร์แพท ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ 4 ม.ค.2564 ในวัย 41 ปี

ในปี 2547 แพท พาวเวอร์แพท ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคดีมียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ (ยาอี) โดยเขาอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะชีวิตตกอับไม่มีงานจนต้องหันมาพึ่งยาเสพติด แพทถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์จำคุก 50 ปี และปรับ 1 ล้านบาท ซึ่งตลอดระยะเวลาเจ้าตัวประพฤติตนอยู่ในกฎระเบียบเป็นนักโทษชั้นดีเยี่ยม รวมทั้งตั้งใจเรียนหนังสือจนจบระดับปริญญาตรี แถมยังช่วยสนับสนุนและสอนเพื่อนๆ นักโทษให้เล่นดนตรีเรื่อยมา 


แพท เปิดใจครั้งแรกหลังชีวิตได้อิสรภาพว่า

"ผมรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และก็รู้สึกสำนึกในพระเมตตาของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมากเลยนะครับ ที่พระองค์ท่านได้พระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ในครั้งนี้ ซึ่งท่านทรงเห็นความสำคัญของผู้ต้องราชทัณฑ์ว่าเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านไม่แพ้กับประชาชนทั่วๆ ไป ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมซาบซึ้งใจมากนะครับที่ท่านทรงได้ให้โอกาสให้ผู้ต้องราชทัณฑ์ได้กลับตัวเป็นคนดี ให้โอกาสได้กลับไปดูแลครอบครัว ให้โอกาสได้ไปพัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม สร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป ผมรู้สึกซาบซึ้งมากและผมจะรักษาโอกาสที่รับครั้งนี้ไว้เทียบเท่าชีวิต โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆ เพราะฉะนั้นผมจะมุ่งมั่นทำแต่ความดี และก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึงจะช่วยป้องกัน รณรงค์เรื่องยาเสพติดด้วย และก็จะไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะว่าผมเองได้ทำการปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์และผู้แทนพระองค์ในวันนี้ก่อนออกมาแล้ว ว่าผมจะไม่ทำผิดกฎหมายอีกต่อไป"

"ผมอาจจะเคยมีส่วนที่ทำร้ายสังคมเมื่อในอดีต แต่วันนี้มันถึงเวลาที่ผมได้โอกาสที่ผมจะได้ชดใช้กับสังคม มันเป็นโอกาสที่ผมจะชดเชยให้กับทางสังคมและครอบครัวของผม ให้ผมได้กลับไปดูแลครอบครัวของผมครับ"

ทั้งนี้เจ้าตัวเผยไม่คาดคิดว่าจะได้รับอภัยโทษ เพราะจากโทษที่ได้รับเขาคิดว่า อย่างน้อยต้องมีอีก 2 ปี โดยความรู้สึกที่เจอครอบครัวครั้งแรก แพท ระบุ เหมือนฝัน ที่จะมีวันนี้ 

"พูดยากเลยครับ มันมีหลายความรู้สึกมาก มันเหมือนวันที่เราฝันมาตลอดเกือบ 17 ปี เราฝันถึงวันนี้มาตลอด แต่สิ่งที่เราฝันมันก็อาจจะไม่ได้ตรงกับภาพที่เราเห็น 100% เพียงแต่ความรู้สึกมันใกล้เคียงมาก และก็ดีใจที่มีหลายๆ คนมารอรับไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงพี่ๆ เพื่อนๆ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าทุกคนยังอ้าแขนต้อนรับผม อบอุ่นมากครับวันนี้ ตื่นตันใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ น่าจะเป็นวันที่ผมจะต้องจดจำไปจนวันตายเลยก็ว่าได้ ผมพูดไม่ออกจริงๆ ก่อนหน้านี้ผมตั้งใจนะครับว่าผมอยากจะกราบเท้าขอโทษท่าน เพราะตอนที่อยู่ข้างในผมไม่เคยทำเลย ในชีวิตผมไม่เคยทำมาก่อน ผมก็เลยคิดว่าตัวเองจะกล้าทำหรือเปล่า และยิ่งวันนี้มีสื่อมวลชนมาด้วยผมจะกล้าทำไหม อันนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้ในใจ แต่ว่าพอถึงเวลาจริงๆ ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรเลย ผมไม่คิดเลย คือมันเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอด ผมอยากจะขอโทษพ่อกับแม่ที่มีส่วนทำให้ครอบครัวเราต้องลำบาก ในช่วงเวลา 16-17 ปีที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่รู้ว่าคนในครอบครัวเขาไม่ได้รู้สึกลำบากกับการที่จะต้องมาดูแลเราในนี้ แต่เราในฐานะลูกผู้ชายและเป็นลูกชายคนเดียวมันใช่เรื่องเหรอที่เราจะต้องให้ท่านมาดูแลเรา เราเองก็อายุขนาดนี้แล้ว ท่านก็ร้องไห้ครับ แล้วก็บอกว่ากลับมาอยู่ด้วยกัน คือคุณแม่ของผมท่านเป็นคนที่ค่อนข้างเซนซิทีฟกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว อย่างช่วง 1-2 ปีแรกที่ผมต้องเข้าไปอยู่เรือนจำ แม่ก็ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาได้เลยสักครั้ง จนพ่อต้องบอกกับท่านว่าเดี๋ยวผมจะไม่สบายใจเวลามาเยี่ยม จากนั้นคุณแม่ก็พยายามที่จะไม่ร้อง ซึ่งคุณแม่ก็ทำได้ดี เพราะหลังจากนั้นคุณแม่ก็พยายามยิ้มแย้มแจ่มใสและเราก็คุยกันแต่เรื่องดีๆ ปกติผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้นะ (หัวเราะ) วันนี้มันเป็นวันที่ผมตื้นตันใจที่สุดเลยครับ มันรอคอยมาตลอดเวลา มันเป็นโอกาส มันเป็นวันที่เหมือนเราได้เกิดใหม่ และยิ่งได้รู้ว่าสังคมเพื่อนๆ พี่ๆ ทุกคนพร้อมที่จะอ้าแขนต้อนรับมันรู้สึกเกินคาดกว่าสิ่งที่เราคิดไว้มากครับ"

โดยแพท มองชีวิตหลังได้รับอิสรภาพ ต้องวางแผนชีวิตหลายอย่าง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันที่มีเรื่อง เขาขอเก็บเกี่ยวข้อมูลแล้วก็ค่อยๆ ศึกษาการใช้ชีวิตในปัจจุบันไป

ช่วงชีวิตที่หายไป แพท คิดว่านับเป็นความโชคดีในความโชคร้าย เพราะช่วงชีวิตตอนนั้นได้ใช้ชีวิตที่เสี่ยงอันตราย 

"ผมเชื่อว่าชีวิตมันมีทั้ง 2 ด้านครับ ถ้าหากวันนั้นผมไม่ได้เข้าไปอยู่เรือนจำผมอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ เพราะตอนวัยรุ่นผมใช้ชีวิตเสี่ยงมากจริงๆ ใช้ชีวิตแบบไม่คิดถึงวันพรุ่งนี้เลยในตอนนั้น แต่พอผมได้มาอยู่เรือนจำ ผมก็รู้สึกว่ามันก็มีมุมที่เป็นความโชคดี เป็นความโชคดีในความโชคร้าย มันมีคุณค่าต่อชีวิตผมมาก คือถ้าจะให้ลงรายละเอียดลึกว่าผมได้อะไรเราคงต้องคุยกันยาว"

ส่วนเรื่องการร้องเพลง เขาระบุ การร้องเพลงเป็นชีวิต และตอนที่อยู่ในเรือนจำเขาได้แต่งเพลงเอาไว้มากมาย พร้อมรอโอกาสที่จะเผยแพร่ให้ทุกคนได้ฟัง โดยนำประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองและคนรอบข้างมาถ่ายทอด ซึ่งเขาได้มีการคุยกับเปรม มือเบสของวงพาวเวอร์แพท ตอนที่เขาเข้ามาเยี่ยมว่าเรามีโอกาสอย่างมากที่จะกลับมารวมตัวกันและทำเพลงใหม่ แต่เป้าหมายแรกที่เขาอยากทำ คือ บวชให้แม่ ก่อนที่จะเริ่มงานในโปรเจ็กต์อื่นๆ