22 ส.ค.2564 ในการอภิปรายวาระ 2-3 ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เป็นวันที่ 4 ในช่วงกลางดึก ส.ส.อภิปรายและลงมติมาถึงมาตรา 36 ซึ่งเป็นงบส่วนราชการในพระองค์ ตั้งงบประมาณไว้ 8,761,390,800 บาท โดยมี ส.ส.จากพรรคก้าวไกลหลายคนอภิปรายแปรญัตติเสนอปรับลดงบประมาณลง ท้ายที่สุด ที่ประชุมลงมติ 392 เสียง โดยมีมติเห็นด้วยกับงบประมาณดังกล่าวโดยไม่ปรับลด 337 เสียง ไม่เห็นด้วย 47 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง
ทั้งนี้ ส่วนราชการในพระองค์ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 เนื้อหากำหนดให้โอนกิจการต่างๆ ของ 5 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง กรมราชองครักษ์ หน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยในพระองค์ ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจราชสำนักประจำซึ่งอยู่ในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
### ประธานไม่อนุญาตให้ฉายสไลด์ เจ้าหน้าที่กลัวโดนปิดสถานี
ระหว่างการอภิปราย ประธานในที่ประชุมไม่อนุญาตให้มีการฉายสไลด์ที่ ส.ส.หลายคนเตรียมมา
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.พรรคก้าวไกลหารือว่า สไลด์ทั้งหมดนำข้อมูลมาจากเอกสารสำนักงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ 2559 ถึงปัจจุบัน เป็นข้อมูลที่ปรากฏบนเว็บไซต์เผยแพร่ต่อสาธารณะ ประธานในที่ประชุมชี้แจงว่าการที่เอกสารบางส่วนเป็นเอกสารที่มีในเล่ม 'ขาวคาดแดง' ของสำนักงบประมาณ แต่การทำภาพประกอบต่างๆ นั้นได้มีการหารือกันที่ห้องประธานชวน หลีกภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองประชุมและฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้วมีเหตุผล ข้อกฎหมาย ข้อบังคับประกอบว่าไม่อาจให้นำเสนอได้ ก็ต้องยอมรับ
"หากการออกอากาศไป การเผยแพร่ภาพเหล่านั้น เป็นเรื่องเสี่ยง เรื่องหมิ่นเหม่ที่จะเกี่ยวข้องกับสถาบันนั้น ไม่มีหลักประกันจากใครเลยว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์นั้นจะไม่ถูกปิด นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่เขาวิตกกังวล แต่เราก็อนุญาตให้ท่านอภิปราย" ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 กล่าว และย้ำว่าสถานีวิทยุโทรทัศน์ก็มีกฎหมายเฉพาะอยู่
มี ส.ส.หลายคนประท้วงคำวินิจฉัยของประธานที่ประชุม แต่ในที่สุดก็มีการอภิปรายต่อโดยไม่มีการฉายสไลด์
ขอปรับลด 1,500 ล้าน บี้สำนักงบบกพร่อง ไม่มีเอกสารชี้แจงเหมือนหน่วยงานอื่น
พิจารณ์ อภิปรายว่า งบราชการในพระองค์ปี 2565 ได้รับการจัดสรร 8,761 ล้านบาท ลดลงจากงบประมาณปี 2564 จำนวน 220 ล้านบาทหรือราว 2% ตนเองได้สงวนคำแปรญัตติปรับลดงบส่วนนี้ลง 1,500 ล้านบาท โดยมีเหตุผลดังนี้
พิจารณ์อธิบายฐานของการปรับลด ด้วยเหตุผลดังนี้
ขอปรับลด 3,568 ล้าน โอน 5 กิจการแล้ว ต้นสังกัดเดิมยังตั้งงบแบบเดิมและสูงมาก
รังสิมันต์ โรม ส.ส.พรคก้าวไกล อภิปรายแปรญัตติตัดลดงบประมาณตามมาตรา 36 ส่วนราชการในพระองค์ลง 3,568 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.72% ทั้งนี้ ส่วนราชการนพระองค์ตั้งมาเป็นปีที่ 5 และมีการเพิ่มงบมากกว่า 10% ในทุกปี แม้ปี 2565 งบจะลดลง 2.4% แต่ก็ลดน้อยกว่างบทั้งประเทศที่ลดลงเฉลี่ย 5.6% และในบางปีก็มีการเบิกจ่ายเกินจริงถึง 27% บางปีเกินสูงถึง 52% จากปี 2561-2564 ใช้งบไปแล้วราว 32,000 ล้านบาท โดยการอภิปรายมีรายละเอียดดังนี้
"เอาเข้าจริงแล้ว งบกิจการราชการในพระองค์ที่เคยเข้าใจว่าถูกโอนงบหน่วยงานต่างๆ ไปอยู่ในก้อน 8,700 ล้านของส่วนราชการในพระองค์ แท้จริงแล้วมันยังมีเงินที่อยู่นอกส่วนราชการในพระองค์ด้วย ยังมีงบที่ค้างอยู่ในหน่วยงานเดิม แต่ใช้เงินสูงยิ่งกว่าเดิมมาก ซึ่งเราอาจรวมเบ็ดเสร็จได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท"
"ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่กลาโหมหรือ สตช.จะรับผิดชอบภารกิจถวายความปลอดภัย หากสามารถชี้แจงรายละเอียดได้อย่างสมเหตุสมผล จะมีงบส่วนนี้ก็ได้ แต่ประเด็นคือ เมื่อโอนกิจการ 5 หน่วยงานไปส่วนราชการในพระองค์ การจัดสรรงบประมาณเพื่อกิจการเหล่านั้นก็ควรโอนไปด้วย แต่สำนักปลัดกลาโหมกับ สตช.ยังมีการจัดสรรตรงนี้และเพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนราชการในพระองค์ก็ไม่เคยใช้เงินน้อยกว่ายุค 5 หน่วยงานเลย แต่ละปีมีแต่โป่งพองขึ้น ถ้าอย่างนั้น เราเอาการจัดสรรตรงนี้กลับมาให้สำนักปลัดกลาโหมกับ สตช.รับผิดชอบทั้งหมดภายใต้การตรวจสอบของสภาไม่ดีกว่าหรือ"
"ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงขอแปรญัตติตัดลดลงประมาณโดยให้อิงจาก 3 หน่วยงานที่ได้โอนกิจการมาจริงๆ ซึ่งก็คือ สำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง กรมราชองครักษ์ เราก็จะได้งบส่วนราชการในพระองค์ที่ควรจะเป็น แล้วส่วนที่เกินก็ตัดออก ก็เท่ากับเราตัดออก 3,568 ล้านบาท"
"สิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นเพียงแค่จัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่ เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขของทุกภาคส่วนท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อทั้งประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย"
นอกจากนี้ยังมีการอภิปรายของ สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา และ เบญจา แสงจันทร์ ที่แปรญัตติของตัดลดลงประมาณในมาตรานี้ด้วยเช่นเดียวกัน