ไม่พบผลการค้นหา
พรรคก้าวไกล เตรียมยื่น ป.ป.ช. เอาผิด รบ. ปกปิด ASF - ปล่อยน้ำมันรั่วที่ระยอง - เอื้อประโยชน์นายทุน ปมใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน

ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดย ณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยส.ส. พรรคก้าวไกล ประกอบด้วย ปดิพัทธ์ สันติภาดา, นพ. วาโย อัศวรุ่งเรือง, จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ และ รังสิมันต์ โรม ร่วมกันแถลงข่าวสรุปผลการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ของพรรค โดยใช้ชื่อการแถลงข่าวว่า “เดินหน้ายุทธการโรยเกลือหลังการอภิปรายทั่วไป” โดยพรรคก้าวไกลจะดำเนินการยื่นเรื่องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช รวมทั้งคณะกรรมาธิการของสภา เพื่อให้ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในหลากหลายประเด็น ดังนี้ 

1.การค้ามนุษย์ ที่มีความเกี่ยวพันถึงหลายหน่วยงาน และการอพยพชาวโรฮีนจา

2.กรณีรัฐบาลปกปิดข้อมูลโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกรหรือ ASF นำไปสู่ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งจะมีการฟ้องแพ่งแบบหมู่เรียกค่าเสียหาย และการตรวจสอบหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

3.การใช้สถานีรถไฟกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน เข้าข่ายการเอื้อประโยชน์และการทุจริตต่างๆ ซึ่งมีสำนวนคดีฟ้องอยู่ในชั้นศาล โดยจะยื่นไปยังคณะกรรมาธิการต่างๆในสภา และองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง

4.สถานการณ์น้ำมันดิบรั่วในท้องทะเลภาคตะวันออกทั้งหมด ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ระยะยาว โดยจะมีการฟ้องแพ่งแบบหมู่เรียกค่าเสียหายเช่นกัน

ด้าน ปดิพัทธ์ กล่าวว่า หลักฐานเกี่ยวกับโรคระบาด ASF สามารถร้องเรียนต่อสำนักงานป.ป.ช.ได้แล้ว ว่ามีการประพฤติทุจริต และปกปิดข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชน โดยเรื่องนี้จะต้องเข้าคณะกรรมาธิการป.ป.ช.ด้วยอีกทาง เพราะพบว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญหมูแพงที่ตั้งขึ้นนั้น เรียกขอข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องยากขึ้น ขณะที่ข้อมูลจากภาคเอกชนและนักวิชาการไหลเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

จึงจำเป็นต้องซักถามข้อเท็จจริงกับหน่วยงานราชการ เพราะกมธ.วิสามัญอาจจะไม่ครอบคลุม ส่วนการปกปิดข้อมูลตลอดระยะเวลาสามปีตั้งแต่มีการระบาดของโรค พบว่ามีข้าราชการระดับสูงเกี่ยวข้องจำนวนมาก อาจจะต้องฟ้องร้องกับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด มีมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านบาท จะนำไปสู่การฟ้องหมู่จากร้านค้าเขียงหมูและผู้ประกอบการฟาร์มสุกรรายย่อย 

ด้าน จิรัฏฐ์ กล่าวถึงประเด็นรถไฟฟ้าสถานีกลางบางซื่อว่า เป็นเรื่องของการรถไฟที่ค้างชำระกับผู้รับเหมา ได้มีการยื่นเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีแต่เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าครม.นาน 3 ปี และใช้สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนจนโดนผู้รับเหมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนเกี่ยวข้องกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กับบริษัทเอกชน

ขณะที่ นพ. วาโย เปิดเผยว่า ตนจะร่วมกับ เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล รวบรวมพยานหลักฐานยื่นป.ป.ช. สอบ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เอาผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้มีการรั่วไหลของน้ำมันสู่ท้องทะเล เพราะพบว่าข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมมลพิษ ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐมนตรีชี้แจงในสภา