วันที่ 22 ก.พ. เวลา 11.00 น. ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงต่อสื่อมวลชน กรณีตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีที่พบความเชื่อมโยงไปยังกลุ่มบัญชีม้าเครือข่ายเว็บพนันของมินนี่ ธันยนันท์ สุจริตชินศรี หรือชื่อเดิม สุชานันท์ กุลวัฒนโยธิน ซึ่งตำรวจ บก.ปปป. ได้ร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช.ในข้อหาตามกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สินฯ
โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องเริ่มจากคดีแรกที่มีตำรวจมาตรวจค้นบ้านตนเองโดยปกปิดข้อเท็จจริงในชั้นศาล เนื่องจากไม่ระบุในหมายค้นว่าเป็นบ้านตน มีเพียงบ้านเลขที่ ซึ่งศาลต้องตรวจสอบก่อนไม่ใช่ออกหมายค้นง่ายๆ และการออกหมายจับต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ต่อลูกน้องตนในคดีมินนี่ทั้ง 8 นาย ใช้คำนำหน้าว่า นาย ประกอบอาชีพรับจ้าง ซึ่งหากเป็นข้าราชการจะต้องขอหมายจากศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเท่านั้น หมายความว่า เจ้าหน้าที่เกรงว่าศาลจะไม่ออกหมายค้นหรือหมายจับให้หรือไม่ เพราะหากศาลทราบว่าผู้ต้องหาในคดีเป็นตำรวจ อาจจะออกหมายเรียกให้แทน เพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ซึ่งมีข้อบังคับศาลฎีกา ระบุไว้ด้วยว่า การจะขอหมายค้นต้องทราบว่าคนที่อยู่อาศัยคือใคร ฉะนั้นปฏิบัติการครั้งนั้นจึงมีพิรุธไม่ตรงไปตรงมา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อมา การเข้าตรวจค้นบ้านตนครั้งนั้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบความเชื่อมโยงทางการเงินที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ หนึ่งในลูกน้องตนที่ถูกดำเนินคดี ซึ่งเป็นผู้ทำธุรกรรมให้ตนด้วยบัญชีม้า ยอมรับว่า หากลูกน้องทำผิดตนในฐานะหัวหน้าก็ต้องรู้ แต่ตนไม่ได้รู้ทุกเรื่อง และตนได้ต่อว่า พ.ต.ท.คริษฐ์ ไปแล้ว แต่เรื่องนี้ต้องยกตัวอย่างว่า หากตนใช้เลขาฯ ไปโอนเงินค่าใช้จ่ายให้พ่อแม่ แต่หากเลขาฯ ไปใช้บัญชีม้าโดยที่ตนไม่ทราบนั้นตนจะผิดหรือไม่ ไม่ใช่ว่าลูกน้องตนทำผิดแล้วตนจะต้องมาผิดด้วย
นอกจากนี้ ตนชี้แจงได้หมดว่าการทำบุญบริจาคต่างๆ ไม่ใช่การเลี่ยงภาษี ตนจ่ายทุกบาท ยินดีให้ตรวจสอบว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ พร้อมยืนยันว่าไม่มีเส้นทางการเงินจากเว็บพนันใดที่เข้าและออกจากตน มีแต่ที่ไปจับกุมเท่านั้น ส่วนที่มีการระบุว่า เส้นเงินอาจเกี่ยวเนื่องไปถึงญาติใกล้ชิด ก็ยินดีให้เชิญแม่ตนมาสอบปากคำได้ เพราะไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนทางคดี เมื่อส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องลูกน้องตนทั้ง 8 นายนั้นก็ยังไม่มีชื่อตน กระทั่งสัปดาห์ที่แล้วทราบจากสื่อว่ามีรายชื่อตนปรากฏในคดีให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 20 ก.พ.นี้ ซึ่งตนก็ไม่ทราบเรื่อง แต่ตามขั้นตอนนั้น เมื่อส่งสำนวนให้อัยการแล้ว พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำหรือแจ้งข้อกล่าวหาไม่ได้อีก เว้นแต่อัยการสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำนวนคดีนี้ส่งไปยัง ป.ป.ช.ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว โดย ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานตรวจสอบการทุจริตโดยตรงด้วยระบบไต่สวน ซึ่งรอบคอบกว่าระบบกล่าวหาของตำรวจ แต่ต้องถามว่าตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้มียศอะไร ให้ยศสูงๆ มาพูดบ้าง อย่าให้ลูกน้องมาพูดแทน ทั้งยังแถลงข่าวว่าอยากให้ ป.ป.ช.ส่งคดีกลับมาให้ตำรวจรับผิดชอบนั้นเป็นการกดดันหรือไม่ ไม่เชื่อมั่นในระบบไต่สวนของ ป.ป.ช.หรือไม่ โดยคดีนี้ พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อลูกน้องตน ถือเป็นการตั้งข้อสังเกตว่าบุคคลนั้นกระทำผิด ยังไม่ใช่การแจ้งข้อหา เมื่อส่งไปยัง ป.ป.ช.จะต้องไต่สวนก่อนว่ามีมูลหรือไม่ หากมีมูลก็ต้องแสวงหาข้อเท็จจริง ก่อนจะตั้งไต่สวนเพื่อเริ่มกระบวนการ และหากมีมูลผิดจริง ก็จะแจ้งข้อกล่าวหา โดยตนถูกแจ้งข้อกล่าวหา ม.157 แต่ ม.149 ในเรื่องรับเงินนั้น ตนก็งงว่าตนรับอะไร
ดังนั้นขณะนี้ตนยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อตน โดยวันนี้ ลูกน้องตนได้ยื่นฟ้องพลตำรวจเอกไปแล้ว 2 นาย รวมกับที่เคยฟ้องร้องพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้กว่า 200 นายกรณีออกหมายค้นหมายจับโดยปกปิดข้อเท็จจริง พร้อมฟ้องร้องสื่ออาวุโส จากการเสนอข่าวว่าตนมีความสนิทสนมกับกรรมการ ป.ป.ช.ท่านหนึ่งและต้องการให้ส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจ
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าวยังระบุถึงเม็ดเงินเว็บพนันกว่า 1,300 ล้านบาทนั้น ต้องบอกว่า คดีเกี่ยวกับเม็ดเงินที่มากกว่า 300 ล้านบาทนั้น เป็นความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวน ต้องย้อนอดีตว่ามีคดีที่เจ้าหน้าที่ระดับอธิบดีฟ้องร้องรองนายกฯ แล้วติดคุกเสียเอง
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รับผิดชอบด้านตำรวจไซเบอร์ ไม่ได้ปราบเว็บพนัน ใครจะมาจ่ายส่วยให้ตนเพราะไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ เชื่อว่าเรื่องนี้สื่อมวลชนคงจะทราบกันดี หากตนได้รับผิดชอบ 7 วันตนปราบได้หมดทั้งประเทศ ฝากถึงตำรวจทุกนายว่ามาแข่งกันทำงานดีกว่า อย่าแข่งกันอิจฉาริษยา ตอนนี้ไม่กังวลหรือมีความเครียดใดๆ และวานนี้ที่ตนไปตรวจตราบริเวณบ้านจันทร์ส่องหล้า ก็เป็นการไปปฏิบัติหน้าที่เนื่องจากตนรับผิดชอบด้านความมั่นคง ก็มีบุคคลไปชุมนุม ไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือกับผู้ใหญ่คนใด