ไม่พบผลการค้นหา
เร่งไล่เบี้ย ตม. เอื้อ ‘ทุนจีนสีเทา’ เข้าประเทศ เผยภาคเหนือ-อีสาน พบร่วม 3 พันคดี เล็งแจ้งข้อกล่าวหากว่า 80 นาย ยศระดับ 'พล.ต.ต.สุรเชษฐ์' ยันไม่เว้นแม้เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกัน

วันที่ 16 ม.ค. ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ทั้งอดีตผู้การ และผู้การคนปัจจุบัน และเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ที่มีส่วนช่วยเหลือกลุ่มทุนจีนสีเทาให้เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยตอนนี้ ได้สืบสวนสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานจนสิ้นเสร็จแล้วเมื่อวัน 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมาประชุมไล่เรียง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกว่า 80 คน และต้องแจ้งข้อกล่าวหาเป็นรายคน

“แม้ว่าจำนวนเจ้าหน้าที่ 80 กว่านาย ที่มีส่วนกระทำความผิดนั้นดูเหมือนจะเยอะแต่กำลังพล ตม. โดยรวม มีมากกว่า 20,000 นาย ดังนั้นการจัดส่วนที่ไม่ดีออกไปจะทำให้องค์กรดีขึ้น“

ในจำนวนนี้ รวมนายตำรวจยศ พล.ต.ต.จำนวน 3 คน ด้วย ซึ่ง 2 ใน 3 คนนั้น เป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 รุ่นเดียวกันกับตน โดย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จะต้องดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการละเว้นแม้จะเป็นเพื่อนกันก็ตาม 

ทั้งนี้ ภายในอาทิตย์หน้า จะเรียกเจ้าหน้าที่ทั้ง 80 กว่านายมาแจ้งข้อกล่าวหา โดยข้อหาที่ตั้งในเบื้องต้น คือมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ 

รอง ผบ.ตร.กล่าวต่ออีกว่า หลังจากเรียกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว กระบวนการต่อไปก็คือการดำเนินคดีทางอาญาที่จะต้องดำเนินการต่อเรื่องทรัพย์สิน โดยให้ ป.ป.ช.เข้ามาตรวจสอบ โดยรวมแล้วตอนนี้ภาคเหนือ (ตม. 5) มี 1,000 กว่ากรณี ส่วนภาคอีสาน (ตม.4) มีกว่า 3,000 กรณี ที่มีการปล่อยให้กลุ่มคนจีนสีเทาเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยใช้วีซานักเรียนนักศึกษา วีซามูลนิธิ หรือปลอมแปลงลายเซ็นของเจ้าหน้าที่หรือการแอบลักลอบใช้บ้านหรือเล้าไก่ตั้งเป็นมูลนิธิ ซึ่งตอนนี้ได้เพิกถอนวีซ่าและดำเนินการจับกุมหมดแล้ว

“เรื่อง ตม. นี้ เริ่มจากกรณี ตู้ห่าว เริ่มจากผับจินหลิง ท็อปวัน คนจีนเหล่านี้มาอยู่ได้อย่างไร พอไล่ต่อไป ทำให้ทราบว่าพวกนี้มาอยู่ได้ด้วยวีซ่านักเรียนนักศึกษา หรือการต่อวีซ่าโดยใช้มูลนิธิ แต่ไม่ใช่นักเรียนจริง อายุ 50-60 ปี ไม่ได้เรียนหนังสือ ขยายไปก็เห็นทั้งหมดว่าในพื้นที่อีสานเหนือมีการดำเนินการเช่นนี้เป็นส่วนใหญ่ จากข้อมูลที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ มาแฉ ก็ตรงกัน”

ส่วนทางรัฐบาลจีน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกับอุปทูตจีนมาโดยตลอด โดยรัฐบาลจีนและไทยส่งเสริมให้มีการปราบปรามกลุ่มคนจีนที่เข้ามาโดยผิดกฎหมายมาตลอดเพื่อให้เกิดความอุ่นใจและเชื่อมั่นต่อนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งทุกวันนี้จะเห็นว่าคนจีนที่เป็นมิจฉาชีพรีบออกนอกประเทศหมดแล้ว เพราะกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุม ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

“วันนี้ ตม. มีหน้าที่ในการคัดกรองคนจีนเข้าประเทศ คนร้ายจะต้องเข้าประเทศไม่ได้ หรือเข้ามายาก แต่ไม่ใช่ว่า ตม. เอาคนร้ายเข้าประเทศเสียเอง ท่านจะเห็นว่า ปี 2563-2564 มีจำนวน 3,000 กว่ารายเข้ามาอยู่ในไทย ถือว่าสาหัส ดังนั้น วันนี้เราไล่ปราบไปหมดแล้ว จะเหลือแต่คนดีๆ เข้ามาอยู่ในประเทศไทย” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว