รัฐบาลลาวตัดสินใจเดินหน้าโครงการเขื่อนในแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 โดยจะเริ่มขึ้นตอนกระบวนการปรึกษาหารือกับชาติสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง 4 ชาติ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ แต่มีข้อถกเถียงในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อน
คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงสากล (MRC) ซึ่งเป็นคณะทำงานด้านแม่น้ำโขงระหว่างประเทศ กล่าวว่า ทางรัฐบาลลาวได้ยื่นเอกสารต่อ MRC เพื่อขอเข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการปรึกษาหารือในการสร้างเขื่อนหลวงพระบาง ที่เป็นขั้นตอนขอความเห็นชอบระหว่างรัฐบาลประเทศสมาชิกลุ่มแม่น้ำโขง และเป็นผู้กำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงที่ทุกเขื่อนจะต้องปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ ทาง MRC แจ้งว่า กระบวนการปรึกษาหารือของเขื่อนหลวงพระบางนี้จะเริ่มในวันที่ 9 ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาขั้นต่ำที่สุดในขั้นตอนก่อนการสร้างเขื่อน
โครงการเขื่อนหลวงพระบางเป็นเขื่อนไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 1,410 เมกกะวัตต์ ซึ่งเขื่อนดังกล่าวจะตั้งอยู่ในเขตเมืองจอมเพ็ด เมืองปากอู แขวงหลวงพระบางและเมืองงา แขวงอุดมไซของลาว
โครงการดังกล่าวจะสร้างผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงถึง 928 ครอบครัว หรือประชาชนประมาณ 4,600 คนที่ต้องโยกย้ายที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินออกจากบริเวณดังกล่าว
ปัจจุบัน ลาวมีเขื่อนในแม่น้ำโขงที่สร้างเสร็จแล้ว 2 แห่ง คือ เขื่อนไซยะบุรีในแขวงไซยะบุรี ทางเหนือของลาว และเขื่อนดอนสะโฮงในแขวงจำปาสักของลาว ส่วนที่กำลังก่อสร้างอีก 1 แห่ง คือ เขื่อนปากแบงในแขวงไซยะบุรี ขณะที่เขื่อนหลวงพระบางเป็นเขื่อนแห่งที่ 4 ที่ยังต้องรอการอนุมัติจาก MRC
แถลงการณ์ขององค์กรแม่น้ำสากลระบุว่า หากยังคงมีการเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนต่อไป เขื่อนดังกล่าวจะสร้างอันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศในแม่น้ำโขงในอนาคต ซึ่งตามแผนการของรัฐบาลลาวมีแผนจะสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงอีก 9 แห่งและกัมพูชาอีก 2 แห่งในเส้นทางของแม่น้ำโขง