วันที่ 3 มี.ค. 2565 ที่อาคารรัฐสภา กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานัประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการป้องกันและแก้ไขภัยจากขยะที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ในคณะ กมธ. การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย พร้อมด้วย เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ปรึกษาคณะ กมธ. การที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รับยื่นหนังสือจาก วุฒิพงศ์ ทองเหลา จร เนาวโอภาส และสุเมธ เหรียญพงษ์นาม ผู้แทนเครือข่ายภาคตะวันออกที่ได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากปัญหาขยะอุตสาหกรรม เรื่อง ร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนจากการประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 101 105 และ 106 ในพื้นที่ 5 จังหวัด ภาคตะวันออก
จร ระบุว่า ปัญหาสืบเนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 4/2559 ก่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบต่อประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ 5 จังหวัด ภาคตะวันออก เนื่องจากการดำเนินการโดยไม่มีการคำนึงถึงการอนุรักษ์ หรือใช้ประโยชน์จากที่ดินให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และไม่คำนึงถึงความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และวิถีชีวิตของประชาชนในระยะยาว ทั้งที่ประชาชนควรมีสิทธิการอาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่ทุกคนควรได้รับ นอกจากนี้ คำสั่งดังกล่าวยังไม่ก่อให้เกิดการแก้ปัญหาความมั่นคงทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมตามวัตถุประสงค์ที่ประกาศไว้อีกด้วย
ทางเครือข่ายยังได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ตลอดจนมีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่บางกลุ่มทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นได้อย่างยากลำบาก ด้วยเหตุนี้ จึงนำมาซึ่งการร้องเรียนต่อคณะ กมธ. ทั้งสองคณะ รวมทั้งพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบหาต้นตอของปัญหาและช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาจากดังกล่าวที่เกิดขึ้น นอกจากนี้เครือข่ายยังได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่อรัฐบาลผ่านคณะ กมธ. และสภาผู้แทนราษฎรอีกทางหนึ่ง
โดย กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี กล่าวว่า ผลพวงจากการประกาศคำสั่งของภาครัฐส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการจัดการขยะ ซึ่งตัวแทนเครือข่ายที่มาร้องเรียนในวันนี้เป็นเพียงเสียงสะท้อนจากผู้ที่ได้รับผลกระทบแค่ส่วนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการจัดการปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ จะรับเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ. ทั้งสองคณะต่อไป และในส่วนของคณะอนุ กมธ. เองก็จะดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและสำเร็จตามที่พี่น้องประชาชนทุกท่านคาดหวังเช่นกัน