วันที่ 23 ธ.ค. 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางมาติดตามแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ จังหวัดน่าน ว่า ปัจจุบันพื้นที่จังหวัดน่าน มีการขึ้นทะเบียนเรื่องการแก้ไขหนี้นอกระบบแล้วประมาณ 500 ราย ซึ่งมีการติดตามเจรจาเพียง 100 กว่ารายเท่านั้น มูลค่านี้ 33 ล้านบาท ถือว่าหลังจากที่เปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ต้องขอขอบคุณกระทรวงมหาดไทยที่เป็นเจ้าภาพ แต่ต้องมานั่งดูว่าจะสามารถทำอย่างไรให้ดีขึ้นกว่านี้อีก ซึ่งปัจจุบันแม้ว่าจะมีการขึ้นทะเบียนกว่า 500 ราย แต่สามารถติดตามได้เพียงร้อยกว่าราย ตนมองว่าน้อยไป ซึ่งอาจมีข้อมูลบางส่วนขาดหายไป ตนจึงได้มีการสั่งการไป และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้สั่งการไปยังกระทรวงให้ลงไปติดตามบุคคลเหล่านี้ หากนายอำเภอไม่พอ ให้ใช้กำนัน กำนันไม่พอให้ใช้ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อที่จะดึงเข้าระบบในการไกล่เกลี่ยหนี้สินให้ได้
เศรษฐา กล่าวต่อว่า ได้มีการหารือกับรองนายกรัฐมนตรี ในการจัดตลาดนัดแก้หนี้นอกระบบ โดยใช้วันหยุดเสาร์หรืออาทิตย์ ที่บริเวณศาลากลางจังหวัด มีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง มาเปิดรับฟังปัญหาอย่างบูรณาการ พร้อมกับยกตัวอย่าง ลูกหนี้นอกระบบที่มีเงินกู้อยู่ 80,000 บาท จ่ายดอกเบี้ยวันละ 4,000 บาท ซึ่งจ่ายมาหลายปีแล้ว ยอดรวมหลายแสนบาท หากคูณดอกเบี้ยวันละ 4,000 บาท 30 วัน คูณออกมาแล้วเยอะกว่าเงินเดือนนายกฯ ซึ่งหากฟังแล้วเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ซึ่งกรณีนี้ตนได้สั่งการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ต้องเจรจาแล้วจบเลย เนื่องจากที่ผ่านมามีการจ่ายทบต้นแล้วหลายหน พร้อมกับต้องดำเนินคดี แต่ฝั่งลูกหนี้เองก็เกิดความกังวลเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งตนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)รับรองความปลอดภัยของลูกหนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกหนี้ไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะเป็นตัวอย่างในการแก้ไขหนี้อย่างบูรณาการ
นายกฯ ยังกล่าวขอบคุณพื้นที่ ที่จัดการพูดคุยอย่างจริงจัง ไม่ใช่มีแต่เรื่องที่สำเร็จหรือเรื่องที่ดีๆเรื่องใดที่ยังอยู่ในส่วนของขั้นตอน เจรจาไม่ได้รับความร่วมมือจากท้องที่ อย่างกรณี การคุกคามเรียกมายังตู้ตำรวจ ตำรวจกลับบอกว่าให้จ่ายเงิน เพื่อจบ ตนไม่ขอพูดถึงว่าในอดีตเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตนไม่ได้มาเอาโทษกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่วันนี้เราต้องเริ่มต้นกันใหม่ มาแก้ไขปัญหากันดีกว่า การจ่ายดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ตนมองว่าเกินไป อยู่ไม่ได้ จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลนี้ ต้องขจัดปัญหาให้หมดไป และยืนยันเคียงข้างประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยทบต้น เกินกว่าอัตรายอดหนี้และดอกเบี้ยตามกำหนด จะมีโอกาสทวงคืนค่าส่วนต่างหรือไม่ เศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินคดี เป็นเรื่องของขั้นตอนตามกฎหมายไป
เมื่อถามว่า จะสร้างความมั่นใจให้กับลูกหนี้อย่างไร เรื่องข้อกังวลของความปลอดภัย ฃเศรษฐา กล่าวว่า รัฐบาลให้ความมั่นใจแล้ว และตนได้พูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ยืนยันและตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ และตนจะไปตอกย้ำอีกครั้งในที่ประชุม เนื่องจากต้องให้ความปลอดภัยกับลูกหนี้ทั้งหมด
เมื่อถามอีกว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาหนี้นอกระบบนั้นนอกจากจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลแล้วยังเกี่ยวข้องกับคนมีสีเข้าไปสนับสนุนนั้น เศรษฐา กล่าวว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ และเชื่อว่าทุกคนพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาที่ประชุมก็มีการต่อว่าในทำนองนี้ ตนมองว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป เราต้องทำงานใหม่ วันนี้มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลมาหลายท่าน ซึ่งก็ให้ความมั่นใจเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่ต้องแก้ไขอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อถามต่อว่า แต่ถ้าเป็นลูกหนี้ที่กู้หนี้นอกระบบแต่เก็บอัตราตามกฏหมายกำหนด จะดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า อยากให้ลูกหนี้ นอกระบบเข้าสู่ระบบสถาบันทางการเงินมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของลูกหนี้ว่าเขาจะเลือกอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการ ช่วงหนึ่งที่นายกฯ ร่วมรับฟังการแก้ปัญหาหนี้ระหว่างประชาชน (ลูกหนี้) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีลูกหนี้คนหนึ่งแสดงความเห็นว่า ไม่มั่นใจกลัวเรื่องความปลอดภัย นายกฯจึงกล่าวให้ความมั่นใจ และเน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจในพื้นที่เรื่องความปลอดภัย ให้ดูแลเป็นพิเศษ แม้แต่เล็บข่วนก็อย่าให้เกิด
จากนั้นเวลา 16.32 น.นายกฯ เดินทางกลับถึงกรุงเทพ.