วันที่ 7 เม.ย. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชี้มูลความผิด ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ คดีรุกป่าสงวนว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ว่าจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคตเพราะศาลตัดสิน ดังนั้นถ้ามีคดีคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นก็ควรจะได้รับโทษอย่างเดียวกัน
ส่วนกรณีที่บางฝ่ายมองว่า ศาลไม่ควรตัดสินในคดีจริยธรรมการเมืองแต่ควรตัดสินในคดีอาญา คดีแพ่ง วิษณุ ระบุว่าพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะกฎหมายให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเปรียบเหมือนการประหารชีวิตนักการเมือง ซึ่งรุนแรงเกินไป ขัดกับรัฐธรรมนูญ ปี 2560 และอาจทำให้มีแรงต้านจากสังคมนั้น วิษณุ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น ซึ่งหากจะมีการแก้โทษห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งและดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปว่ากันในอนาคต ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
วิษณุ กล่าวถึงกรณีที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเป็นโมฆะ ว่าไม่แน่ใจ จะยื่นผ่านช่องทางใด และหากยื่นตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็ไม่แน่ใจว่าศาลจะรับคำร้องหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะขึ้นอยู่กับศาล และส่วนตัวก็ไม่เข้าใจว่านพ.ระวี ไปยื่นเพราะสาเหตุอะไร
ทั้งนี้ วิษณุ ระบุว่า ตามหลักการแล้ว จะต้องมีการยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รับเรื่อง ก็สามารถยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
ส่วนมีการกล่าวอ้างว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องดังกล่าวจะสามารถกล่าวอ้างได้หรือไม่นั้น วิษณุ ยอมรับว่า มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจริง
วิษณุ ยังระบุว่า หากศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณา ก็ไม่กระทบต่อการพิจารณาในสภา โดยหลายคดีการดำเนินการที่ค้างอยู่ก็ต้องดำเนินการไปตามปกติ หากสุดท้ายแล้ว พิจารณาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญก็ถือว่าจบ เลิกกระบวนการทั้งหมด
ส่วนจะกลับไปเหมือนการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หรือไม่ วิษณุ ระบุว่า คงไม่กลับไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดเองว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป ยืนยันว่า ไม่มีการกลับไปอัตโนมัติ เนื่องจากต้องรอคำสั่งศาล เพราะจะมีการอธิบายเหตุผล