วันที่ 28 ก.ย. 2565 จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ประเมินถึงสถานการณ์หลังวันที่ 30 ก.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยประเด็นวาระนายกรัฐมนตรีก 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่หรือไป ต้องยึดประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง หากอยู่ต่อต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของประเทศกำลังเผชิญปัญหาหนัก เนื่องจากค่าเงินบาททะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้วซึ่งถือว่าอยู่ในภาวะอันตรายมาก แต่ถ้าหลุดต้องรีบโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้เร็ว เพื่อตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงสุดท้ายของรัฐบาล 

ส่วนท่าทีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ที่ระบุว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาตนดีใจนั้น จิรายุ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะกังวลใจหรือไม่ ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องของท่านคนเดียวแต่เป็นเรื่องของคนทั้งประเทศซึ่งไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่หรือไปประเทศก็ต้องอยู่ 

ส่วนสถานการณ์น้ำในช่วงนี้ จิรายุ ระบุว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเจอวิกฤตน้ำปี 2554 อย่างหนัก ตนนำเรียนรัฐบาลในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ถ้าทำนโยบายเชื่อมระบบน้ำอย่างเป็นระบบตั้งแต่ 8 ปีก่อนสมัยเป็นรัฐบาล คสช.ก็จบไปแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเจอข่าวแบบนี้ซ้ำๆซากๆ 

"ถ้าหากรัฐบาลดำเนินการตั้งแต่ 8-9 ปีที่แล้ว ตนคิดว่าการบริหารจัดการน้ำไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราไม่ได้ทำเลย ซึ่งเป็น 8 ปีสูญเปล่า พอเมื่อพายุเข้า สภาพปัญหาประชาชนต้องแบกรับภาระเอง การที่รัฐบาลไปมอบถุงยังชีพไม่ใช่เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ฉะนั้นขอให้เริ่มคิดตั้งแต่เนิ่นเนินเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำ”