ไม่พบผลการค้นหา
'โรม' ซักไม่หยุดปม 'ตั๋วตำรวจ' จี้ 'เศรษฐา' วางเฉยระบบเส้นสาย อาจโดน ม.157 ด้าน 'สมศักดิ์' ย้ำคำพูดนายกฯ แล้วแต่จะตีความ ไม่มีล้วงลูกแต่งตั้งโยกย้าย แจงย้าย ผกก.ตม.ภูเก็ต มีอาวุโสกว่า

วันที่ 14 ธ.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในวาระกระทู้ถามสดด้วยวาจาของ รังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดต่อนายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารราชการตำรวจที่ไม่มีประสิทธิภาพ โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรีมาตอบกระทู้ถามแทน

รังสิมันต์ ถามประเด็นเรื่องตั๋วตำรวจที่นายกรัฐมนตรีเคยกล่าวไว้ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยวันที่ 21 พ.ย. 2566 พร้อมนำคลิปมาเปิด กล่าวอ้างถึงการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจระดับสารวัตร ผู้กำกับ ซึ่งการพูดของนายกฯ เกิดขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. และข้อกำหนดของ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ หากมีการให้ผลประโยชน์เพื่อให้มีการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีตามมาตรา 87 วรรคท้าย ของ พ.ร.บ.ตำรวจฯ ปี 2564 มาตรา 185 ของรัฐธรรมนูญ หากเป็นกรณีของรัฐมนตรีจะผิดมาตรา 186 

ซึ่งหากผิดจริงจะมีการดำเนินการหรือไม่ หากไม่ดำเนินการจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่ง สมศักดิ์ เคยมาตอบชี้แจงในกรรมาธิการแล้ว แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องรับผิดชอบดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมถามถึงนายกฯ มีเจตนาในการนี้ตอบกระทู้สภาหรือไม่

ด้าน สมศักดิ์ ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาว่าไม่ได้มาตอบกระทู้ถาม นั่นเพราะนายกต้องเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อประชุมอาเซียน พร้อมกับแนบหลักฐานตารางการบินของนายกรัฐมนตรี และตอบกระทู้ถามสด ฝ่ายบริหารไม่สามารถล้วงลูกในการโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี ที่ตามกฎหมายมีสิทธิ์เสนอชื่อได้เฉพาะผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร.เท่านั้น ตำแหน่งอื่นเป็นอำนาจของ ผบ.ตร. 

ทั้งนี้ คำพูดของนายกรัฐมนตรีในวันประชุมพรรคเพื่อไทยเป็นการพูดแบบกระชับแต่อาจมีการขยายผลในทางการเมืองที่เป็นเชิงลบ ซึ่งนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะที่มีการพูดว่าอาจจะมีผู้ผิดหวัง สะท้อนว่าไม่มีการช่วยเหลือ พูดเรื่องขอตำแหน่งเยอะเหลือเกิน มาจากการปรึกษาเรื่องของ สส.ในพื้นที่ ต้องการคนที่เหมาะสมเข้ามาพัฒนาในพื้นที่ และนายกฯ ยืนยันแล้วไม่เคยมี อีกทั้ง ผบ.ตร ก็ย้ำว่าตั้งแต่อยู่ในตำแหน่งไม่มีใครเอาตั๋วใดมาให้ นายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยติดต่อมา 

ส่วนกรณี พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผกก.ตม.ภูเก็ต ลาออก หลังการโยกย้ายที่จังหวัดภูเก็ต สมศักดิ์ ชี้แจงว่าพิจารณาจากความรู้ความสามารถและความเหมาะสม ซึ่ง พ.ต.อ.ธเนศ ได้แต่งตั้งให้ไปเป็นผู้กำกับ ตม.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีความอาวุโส 6 ปี ก่อนจะลาออก ส่วนคนที่ถูกพาดพิงว่าใช้เส้นสาย หรือ พ.ต.อ.พัทธงทิว ดามาพงศ์ ได้โยกย้ายไปเป็นผู้กำกับ ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต มีความอาวุโสมากกว่า พ.ต.อ.ธเนศ อีก

ทั้งนี้ในช่วงแรก รังสิมันต์ ได้หารือประธานในที่ประชุม ว่านายกรัฐมนตรีไม่ว่างทุกวันพฤหัสบดีที่มีการตั้งกระทู้ถามฝ่ายบริหาร หารือว่าสามารถขยับวันการตั้งกระทู้ถามได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นสภาผู้แทนราษฎรจะไม่มีโอกาสตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเลย โดยเห็นว่าเป็นอำนาจของประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการจัดระเบียบวาระ

"เรื่องที่ถามเป็นเรื่องเกี่ยวกับตำรวจ ไม่มีผู้รับผิดชอบคนอื่น เชื่อว่าหาก สมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีเชื่อว่าจะมาตอบกับตัวเอง แต่พอเป็น เศรษฐา ทวีสิน ท่านไม่กล้ามา อยากให้ประธานพิจารณาจากขยับวันที่จะทำให้นายกฯมีความสะดวกมาตอบกระทู้โดยเฉพาะจากฝั่งฝ่ายค้าน" รังสิมันต์ กล่าว 

ทำให้ ปดิพัทธ์ ชี้แจงว่านายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีสิทธิ์ที่จะมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการถามหรือตอบไม่ตรงคำถามเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของฝ่ายบริหารเอง ส่วนการเลื่อนวันตอบกระทู้สดจะต้องหารือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ไม่ใช่ไม่เคยมาเลย และเคยมาตอบกระทู้แล้วหนึ่งครั้งต้องให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีด้วย