ไม่พบผลการค้นหา
มท.1 ลั่น ข้าราชการมหาดไทย ไม่สุกเอาเผากิน ไม่ทำงานตามกระแส วอนญาติเจรจาแรงงานไทยกลับบ้าน พร้อมช่วยช่องทางทำมาหากิน ระหว่างรอเหตุการณ์สงบ เผยคืบหน้าขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล-ปืน

30 ต.ค. 2566 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมกับ เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ สุทธิพงศ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ตรวจเยี่ยม มอบนโยบายและแนวทางการดำเนินงานให้กับกรมการปกครอง วังไชยา

ทันทีที่มาถึง อนุทิน ได้ขึ้นแท่นรับการเคารพจากกำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กราบสักการะพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธุ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส ชมการสาธิตการจัดเก็บข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลหัวกระสุนปืนกล Smith & Wesson รุ่น M&P 15-22 และปลอกกระสุนปืน และชมศูนย์บริการประชาชน ภายในสำนักการสอบสวนและนิติกร ซึ่งจะให้บริการอนุมัติ อนุญาต ในความรับผิดชอบของกรมการปกครอง

จากนั้น อนุทิน กล่าวว่า วันนี้มามอบนโยบายและรับฟังการตอบสนองนโนบายตั้งแต่ตนเองมารับตำแหน่ง เน้นเรื่องการบำบัดทุกข์บำรุงสุข และอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชน รวมถึงการจัดระเบียบสังคม และการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ซึ่งเป็นเรื่องที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นว่า เราไม่ได้ทำแบบสุกเอาเผากิน และไม่ได้ทำตอบสนองกระแสในแต่ละช่วงเวลา จากการตรวจเยี่ยมได้ชื่นชมหน่วยงาน ฝ่ายการปกครอง พร้อมกำชับกรมการปกครองให้ตอบสนองนโนบาย 10 ข้อหลัก ในนโยบายข้อสั่งการ 

ส่วนเรื่องของแรงงานไทยในอิสราเอล อนุทิน ระบุว่า ได้สั่งการให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัด ไปบอกญาติพี่น้อง ให้ช่วยกันโน้มน้าวพี่น้องผู้ใช้แรงงานพี่น้องอิสราเอล ขอให้กลับมาไทย เราจะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ หาวิธีการเยียวยาช่วยเหลือ หาโอกาสในการสร้างรายได้ 

ส่วนความคืบหน้าการขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล อนุทิน ระบุว่า กรมการปกครองได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลมีความเคลื่อนไหวหรือไม่ ซึ่งกรมการปกครองทำมาโดยตลอด แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ โดยขึ้นบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพล ก็จะใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินคดี เพราะเรามีทั้งหน่วยติดตาม ตรวจสอบและเฝ้าระวัง พร้อมกับประสานภาคส่วนอื่นๆ เช่น ตำรวจ ทหาร ช่วยกันใช้กฎหมายปราบปราม ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคม

ส่วนความคืบหน้าในการควบคุมอาวุธปืน ในที่ประชุมวันนี้ มีผู้นำแบลงก์กัน และ บีบีกันมาขึ้นทะเบียนด้วย โดยแจ้งว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์ดัดแปลง เพื่อให้มีอานุภาพแรงขึ้น และขอให้มีการออกระเบียบ การเก็บอาวุธปืนในสนามยิงปืน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยอีกระดับ ส่วนการระบุตัวเจ้าของอาวุธปืน โดยจะบันทึกตำหนิหัวกระสุนของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะทำแบบนี้เช่นกัน เพื่อระบุเจ้าของ โดยกรมการปกครอง อยู่ระหว่าง พรบ.ก่อนเสนอมาที่ตนเอง เพื่อชงเข้าครม. บรรจุเป็นวาระเสนอต่อสภาต่อไป 

อนุทิน ยังระบุถึง การเปิดสถานบริการที่จะมีการขยายไปจนถึง 4 นาฬิกา ว่า จะมีการกำหนดโซนนิ่ง และรับฟังเสียงประชาชนในโซนนิ่งที่เรากำหนด โดยได้กำหนดเดดไลน์ไว้ว่า หากเรียบร้อย จะประกาศเป็นกฎกระทรวง ภายใน 15 ธ.ค.นี้ และจะเสนอ ครม.ต่อไป ย้ำว่า ทำเพื่อผู้มีเจตนารมณ์ไม่กระทำผิดกฎหมาย ทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ต้องให้ความร่วมมือกับภาครัฐ ในการเมาไม่ขับ ไม่ขายยาเสพติด ไม่ให้เด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าสถานบริการ และไม่ให้มีการทะเลาะวิวาท โดยเน้นจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพฯ จะนำร่องไปก่อน