19 พ.ค. 2565 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 8 ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังแจกใบปลิวหาเสียง และพูดคุยกับประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะบัณฑิตจบใหม่และครอบครัวเพื่อนฝูงที่เดินทางมาแสดงความยินดี
ชัชชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โควิด-19 และความขัดแย้งทางการเมืองมาตลอด 9 ปี ตลอดช่วงการลงพื้นที่หาเสียง ตนได้รับฟังเสียงสะท้อนและความคาดหวังของผู้ปกครองและคนรุ่นใหม่ พบว่าไม่ใช่ความคาดหวังต่อผู้สมัครเท่านั้น แต่ยังคาดหวังต่อการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ตนจึงตั้งใจเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง
“ขอให้วันที่ 22 พ.ค. เป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ เป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ ให้ทุกคนเดินร่วมกันได้ มาช่วยกันลดความขัดแย้ง มาช่วยกันทำกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น” ชัชชาติ กล่าว
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ฝากข้อความไปยังผู้สมัครทุกคนว่า “ใครสัญญาอะไรไว้ ก็ทำให้ได้ก็แล้วกัน” ชัชชาติกล่าวว่าหากได้รับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าฯ กทม. ตนจะทำตามสัญญาในทุกนโยบายที่ได้ประกาศไว้แน่นอน พร้อมยืนยันว่าเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่เข้าข้างหรือฝักใฝ่ฝ่ายใด ตั้งใจเข้ามาประสานงาน และไม่เป็นผู้ว่าฯ ที่สร้างความขัดแย้งแน่นอน ส่วนที่พลเอกประยุทธ์ ห่วงใยเรื่องความขัดแย้งถือเป็นคำตักเตือนจากผู้มีประสบการณ์หรือผ่านความขัดแย้งมาก่อน
ส่วนกรณี ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องป้ายหาเสียง ชัชชาติ ชี้แจงว่า มีแผนนำป้ายหาเสียงกลับมาใช้ซ้ำตั้งแต่ต้น เช่น ผลิตเป็นกระเป๋า และย้ำว่าไม่เคยเสนอหรือสัญญาว่าจะให้แก่ผู้ใด ยืนยันทำตามกฎหมายและขอบคุณผู้ร้องเรียนที่กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ชัชชาติ กล่าวถึงการหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายว่า ยังมุ่งเน้นพบปะประชาชน แม้พรุ่งนี้ (20 พ.ค.) มีผู้สมัครหลายท่านจัดเวทีปราศรัยใหญ่ แต่ตนยังเน้นลงพื้นที่หาเสียงแบบดาวกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ และตั้งใจจะหาเสียงถึงเวลาเที่ยงคืน เพื่อตอกย้ำนโยบาย “ผู้ว่าฯเที่ยงคืน” ทั้งนี้ ไม่มั่นใจว่าผลเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร แต่มั่นใจว่าการลงพื้นที่หาเสียงตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ตนเองทำถูกทางและเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ