ไม่พบผลการค้นหา
‘แสวง’ เลขาฯ กกต. ไม่ทราบปม คกก.สอบสวน ยกคำร้อง ‘พิธา’ ผิด ม.151 กรณีหุ้นไอทีวี ชี้กระบวนการยังไม่จบ ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่ายในชั้นไต่สวน เผยเตรียมความพร้อมเลือกตั้งซ่อม จ.ระยอง เขต 3 ใช้ฐานข้อมูลเดิมแม้ลงแข่ง 2 พรรค แต่ให้ความเสมอภาคในการแข่งขัน

วันที่ 18 ส.ค. แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง ว่า การเลือกตั้งซ่อม จ.ระยอง ใช้ฐานข้อมูลเดิมเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 14 พ.ค. ทั้งจำนวนหน่วยเลือกตั้ง และจำนวนประชากร แม้เวลาจะน้อยแต่ไม่กระทบกับการบริหารจัดการ เพราะ กกต. ได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากขึ้น 

ส่วนกรณีที่ผู้สมัคร มีเพียง 2 คน จากพรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นการแข่งขันระหว่างขั้วการเมืองหรือไม่ แสวง มองว่า คงไม่มีปัญหาในการบริหารจัดการ การแข่งขันเป็นเรื่องกติกาซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยจะมีการใช้อำนาจรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ทุกการเลือกตั้งซ่อมมักมีคนกล่าวอ้างว่า ใช้อำนาจรัฐ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงรัฐบาลรักษาการเหมือนกับการเลือกตั้งทั่วไป และที่ผ่านมาก็ไม่มีข้อครหาเกี่ยวกับการใช้อำนาจรัฐ กกต. จะต้องดูแลให้การแข่งขันเป็นไปอย่างเสมอภาค เบื้องต้นยังไม่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามา คาดว่า ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย

เมื่อถามว่า จะเป็นการใช้สนามเลือกตั้งนี้เพื่อวัดพลังการเมืองระดับประเทศหรือไม่ แสวง กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจที่ กกต. จะให้ความเห็น อย่างไรก็ตามกรณีที่มีผู้ร้องยุบพรรคนั้น ปัจจุบันมีคำร้องอยู่ 135 เรื่อง พิจารณาตีตกไปแล้ว 111 เรื่อง โดยส่วนที่เหลือเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองจำนวน 10 พรรค แต่ส่วนมากเป็นพรรคการเมืองใหญ่ 

ขณะที่กรณีคำร้องยุบพรรคก้าวไกลจากนโยบายแก้ไข ม.112 นั้น แสวง กล่าวว่า ในชั้นสำนักงาน กกต.จะเป็นการดูแลข้อกฎหมาย และยังไม่ได้รับรายงานอะไร ส่วนอีกช่องทางคือการไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้กรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลฝาก 2 คำถามถึง กกต. จากกระแสข่าวว่า กกต.จะยกคำร้องในคดีอาญา ม.151 กรณีที่รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีคุณสมบัติรับเลือกตั้ง แต่ยังลงสมัครจากการถือหุ้นไอทีวีนั้น เรื่องนี้อยู่ในสำนวน เป็นไปตามกระบวนการ เมื่อ กกต. พิจารณาแล้วเสร็จจะส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมย้ำว่า กกต.ไม่ใช่ผู้ตัดสิน ผู้ตัดสินคือ ศาลรัฐธรรมนูญ 

เมื่อถามย้ำว่า กรณี ม.151 ของ พิธาต้องรอบคอบกว่าเดิมหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่เคยโดนในลักษณะเดียวกัน อัยการสั่งยกคำร้อง แสวง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคดีอาญาต้องพิสูจน์ตามเจตนา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาในทิศทางใด 

ส่วนที่ พิธา ตั้งคำถามว่าเหตุใด กกต. ถึงไม่เรียกเจ้าตัวมาชี้แจงนั้น แสวง กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ทราบในกระบวนการของคณะกรรมการสอบสวน เนื่องจากเป็นหน้าที่ของ รองเลขาธิการ กกต. ที่ดูแลเรื่องนี้ รู้เพียงว่า กระบวนการยังไม่จบ ตนเองจะรู้ก็ต่อเมื่อเสนอเข้าที่ประชุม กกต. และไม่สามารถใส่แทรกแซงหรือก้าวก่ายได้ 

พร้อมย้ำว่า หากมีลักษณะของการให้คุณให้โทษก็จะต้องเชิญมาชี้แจง ต่างจากกรณีลักษณะต้องห้ามที่เป็นเรื่องของตัวบุคคล ทั้งนี้หากการสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความ หรือไม่ครบถ้วนครบประเด็น กกต. ก็จะสามารถสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมได้ อีกทั้งกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ เสนอให้ยกคำร้องไปนั้น โดยส่วนตัวยังไม่ทราบในรายละเอียด