ต่างประเทศ
จีนยอมเผยตัวเลขเศรษฐกิจแล้ว ชี้โต 3.9% เร็วกว่าคาด แต่ยังไม่ถึงเป้า
สำนักสถิติจีนเปิดเผยว่า จีนซึ่งเป็นชาติขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก มีอัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 3.9% ในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ก.ย. เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ทำลายสถิติที่เคยมีการคาดการณ์ว่าจีนจะมีอัตราการเจริญเติบโตของ GDP ที่ 3.2 ถึง 3.3%
ทั้งนี้ ข้อมูล GDP ของจีนถูกเลื่อนการประกาศออกมานานนับสัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงกับกระแสที่อาจชนกันกับการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสตืจีน ซึ่งเพิ่งแต่งตั้งให้ สีจิ้นผิง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนต่อในวาระที่ 3
ยิ่งไปกว่านั้น ผลชี้วัดการเติบโตของ GDP จีน ยังพลาดเป้าที่ทางการตั้งเอาไว้ประจำปี 2565 ที่ 5% ในขณะที่จีนยังคงเผชิญหน้ากับการสะดุดหยุดลงของประเทส จากการประกาศล็อกดาวน์ตามนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของสี ทั้งนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ทำนายว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวเพียงแค่ 3.2% ในปี 2565 ซึ่งเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่ช้าที่สุด นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2520 อีกทั้งยังไม่นับรวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ต่ออัตราการเจริญเติบโตที่ 2.4% ในปี 2563
ไอริส ผาง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Greater China ของ ING Groep NV ระบุกับสำนักข่าว Bloomberg ว่า สิ่งที่ “พรากไปมากที่สุด” คือ “โควิดยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจอยู่” โดยภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของจีน เกิดขึ้นจากการพึ่งพาการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ดี ไมเคิล เปตติส จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งโต้แย้งว่า การส่งออกสุทธิของจีนที่ถูกนับรวมเข้ามาใน GDP ในไตรมาสนี้ ยังกลับไม่ช่วยให้เศรษฐกิจจีนกระเตื้องขึ้น ในทางกลับกัน การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยิ่งกลับชะลอตัวลง และคู่ค้าของจีนอาจดูดซับแรงจากผลกระทบดังกล่าวในอนาคต
สำนักข่าว AP ระบุว่า การขับเคลื่อนการเติบโตของไตรมาสในเดือน ก.ย. มีเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบกับอัตรารายปี จากปัจจัยที่ทางการจีนเรียกว่าเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร นอกจากนี้ สำนักสถิติจีนยังชี้อีกว่า การขยายตัวดังกล่าวมีเพิ่มขึ้น 1.5 จุดในไตรมาสเดือน มิ.ย. แม้ว่าการเพิ่มขึ้นในรายเดือนของเดือน ก.ย. เพียงอย่างเดียวจะมีมากกว่า 0.5% ยิ่งไปกว่านั้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย. มีเพิ่มขึ้นถึง 6.3% ซึ่งอยู่เหนือจากความคาดหมายจากการขยายตัวที่ 4.5% และการเพิ่มขึ้นในอัตรา 4.2% ในเดือน ส.ค.
จีนยังมีการส่งออกในเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. และลดลงมาจากจากอัตรา 7.1% ในเดือน ส.ค. นอกจากนี้ Reuters รายงานว่าการนำเข้าของจีนแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากอัตรา 0.3% เมื่อเทียบกับการขยายตัว 1% ที่มีการวิเคราะห์เอาไว้โดยนักเศรษฐศาสตร์ ในขณะที่ยอดค้าปลีกมีอัตราเติบโตที่ 2.5% ในเดือน ก.ย. แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่า 5.4% ในเดือน ส.ค. พลาดเป้าไปจากการคาดการณ์ที่อัตรา 3.3% ช่วยฟ้องถึงอุปสงค์ภายในประเทศของจีนที่ยังคงเปราะบางอยู่
เปตติสชี้ว่า ความเปราะบางทางเศรษฐกิจของจีน ยังได้ขยายตัวไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตัวชี้วัดส่วนใหญ่ยังคงบ่งชี้ว่ามีอัตราที่ตกต่ำลง ทั้งนี้ อุตสาหกรรมภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนยังมีบทบาทเกินขนาดของเศรษฐกิจจีน โดยที่มูลค่าทรัพย์สินเหล่านั้นมีมากกว่า 2 เท่าของสหรัฐฯ และ 3 เท่าของยุโรป แม้ว่าขนาดทางเศรษฐกิจจะมีขนาดใหญ่เพียงแค่ประมาณ 3 ใน 4 เท่านั้น
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนหดตัวติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 ในช่วง 3 เดือนล่าสุด โดย Bloomberg อ้างถึงข้อมูลของสำนักสถิติจีนเองที่แสดงให้เห็นถึงการหดตัวดังกล่าว ซึ่งถือเป็นอัตราการตกต่ำทางภาคอสังหาริมทรัพย์จีนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ มีตัวเลขบ่งชี้ว่าราคาบ้านในบ้านของจีนลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
ยื่งไปกว่านั้น Reuters ยังรายงานอีกว่า ราคาบ้านใหม่ในจีนยังคงลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือน ก.ย. โดยผลลัพธ์ดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่า ผู้ซื้อยังคงระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ไปกับการคำนวนในการซื้ออพาร์ทเมนท์ที่อาจสร้างไม่เสร็จ แม้ว่าจะมีนโยบายของรัฐบาลที่เร่งรีบ เพื่อความพยายามในการหนุนอุปสงค์ด้านอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม เปตติสระบุอีกว่า นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนยังไม่ได้ส่งมอบบ้านประมาณ 40% ที่พวกเขาขายเอาไว้ล่วงหน้าระหว่างปี 2556 ถึง 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่่ดีในการปิดการเจรจาซื้อขาย
ที่มา:
