วันที่ 21 มิ.ย. พรรคเพื่อไทยจัดงานสัมมนาทำความเข้าใจในการทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อประสานงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ พรรค ประชาชน และรัฐสภา โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยพร้อมด้วย ภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค พร้อม ส.ส. ทั้ง 141 คนเข้าร่วม 

นพ.ชลน่าน กล่าวเปิดสัมมนาว่า พรรคเพื่อไทย ถือโอกาสจัดเวทีสัมมนารสธรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับการมอบอำนาจจากประชาชนเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่งทุกคนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ต้องขอขอบคุณรับของไว้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนได้ลองทำงานอย่างหนักมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนคณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศรับรองเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งการทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสัมมนาเพื่อเพิ่มศักยภาพ ซึ่งบางคนก็มีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่เข้ามาทำหน้าที่ในครั้งนี้ 

ซึ่งการเข้ามาแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนครั้งนี้มีความหลากหลายมาก หน้าที่ของทุกคนจึงมีความเชื่อมโยงกับบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลประชาชนในหลายมิติ ทั้งผู้สนับสนุนรัฐบาล เป็น ส.ส.รัฐบาล การตราพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และเห็นชอบบุคคล และ หน้าที่ ที่ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ตามจารีตประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติคือหน้าที่ต่อประชาชน ในกฎหมายไม่ได้เขียนไว้ในพรรคเพื่อไทยยึดมั่นในวิถีการทำงานเพื่อประชาชนมาโดยตลอด วันนี้ที่มีการรวมตัวกันและสัมมนาพูดคุยเพื่อเตรียมพร้อมที่จะกลับเข้าไปทำงานรับใช้ประชาชน 

นอกจากนี้วันนี้พรรคยังเปิดเวทีให้พี่น้อง ส.ส. ได้ร่วมกันเปิดใจ ออกความเห็นเสนอแนะแนวทางความคิดเห็น หรือข้อสงสัยข้อโต้แย้งใดเพื่อกำหนดทิศทางของพรรคเพื่อไทยต่อไปในอนาคต พรรคเพื่อไทยพร้อมในการรับฟังทุกความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบทบาทหน้าที่ทั้งเรื่องกฎหมาย และทำหน้าที่ในสภา 

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวอีกว่า ทุกคนได้เป็นดาวสภา ส่วนตัวเองนั้นขอไปทำหน้าที่รัฐมนตรีบ้าง หวังว่าเวทีวันนี้จะให้ประโยชน์กับพี่น้อง ส.ส. ทุกคน เป็นเครื่องมือที่ดีในการทำหน้าที่ของพวกเราทุกเรา เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันทางการเมืองที่พร้อมมุ่งหวังทำเพื่อประชาชน และให้สถาบันนี้คงอยู่ตลอดไป 

จากนั้น ในช่วง " เปิดใจเพื่อไทย เพื่ออนาคตประเทศไทย" ภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวช่วงหนึ่งบนเวทีว่า เรื่องตำแหน่งประธานสภาที่เป็นประเด็นที่ผ่านมา อาจทำให้ ส.ส. เพื่อไทยหลายคนไม่สบายใจ ต้องบอกว่าตั้งแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมามีการพูดคุยกันเพียงแค่ 2 ครั้ง และยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปตั้งแต่นั้น ทุกอย่างหยุดอยู่ตรงนั้นรวมถึงสิ่งที่นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาพูดตัวเองก็บอกกับสื่อมวลชนไปว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวและเป็นมารยาทของบุคคลทางการเมืองไม่ทำกัน ซึ่งการแสดงความคิดเห็นสามารถเสนอได้แต่ไม่ควรเสนอหากความคิดเห็นนี้ยังไม่ผ่านการพูดคุยจนได้ข้อสรุป 

ภูมิธรรม ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยยังคงยืนยันในหลักการว่าพรรคอันดับหนึ่ง ต้องได้ตำแหน่งประธานสภาและพรรคอันดับสองที่คะแนนห่างกันไม่มากต้องได้ตำแหน่งรองประธานสภา และประเด็นนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน