ไม่พบผลการค้นหา
'ศิธา' ชูธงกล้าคิดต่างเพื่อคนกรุงเทพฯ ประกาศเดินหน้า 11 พลังสร้างกทม.ให้เป็นมหานครที่ผู้คนมีความสุข สุขภาพดี ทำมาหากินได้สะดวก สะอาด ปลอดภัย ทันสมัย ด้าน 'โภคิน พลกุล' เชื่อนโยบายสร้างความเปลี่ยนแปลง หนุนคน กทม. เลือกเบอร์ 11 เป็นผู้ว่า

น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวย้ำถึงแนวการขับเคลื่อนนโยบาย 11 ด้าน หรือ 11 พลังสร้างกทม.สู่การเป็นมหานครที่ดีที่สุด โดยมีหลักในการทำงานคือการปลดปล่อยหรือ Liberate ประชาชน จากการถูกกดทับ โดยระเบียบ กฎหมาย ข้อบังคับต่างๆเพื่อให้ประชาชนลุกขึ้นมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด แข็งแรงที่สุด รวมถึงการสร้างพลัง Empower ประชาชนให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน เข้าถึงตลาด โดยเฉพาะประชาชนคนตัวเล็ก

โดยตนจะร่วมกับพี่น้องชาว กทม. สร้างอํานาจให้คนกรุงเทพ ร่วมบริหารงบประมาณ ขจัดการคอร์รัปชั่น ตรวจสอบการใช้งบประมาณ ผ่านเทคโนโลยี Block chain” โดยพี่น้องชาวกทม.จะเห็นว่าหน่วยงานต่างๆของ กทม.มีงบเท่าใด ใช้จ่ายอย่างเหมาะสมหรือไม่ มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ รวมไปถึงหน่วยงานต่างๆของ กทม.ก็จะได้รู้ถึงความต้องการ ความคิดเห็นของประชาชน เพื่อใช้ในการพัฒนาระบบ และการทํางานขององค์กรได้ดีขึ้นด้วย

2 ตนจะสร้างโอกาสให้คนกรุงเทพ กลับมาทํามาหากินได้เร็วที่สุด สะดวก ที่สุด เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทันที หลังต้องเผชิญวิกฤตหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และวิกฤตจากโควิด โดยตนจะเข้าไปดูกฎหมายที่ขัดขวางการทำมาหากิน จำเป็นต้องใช้ยาแรง เพื่อปลดล็อค และพักใบอนุญาต แขวนการบังคับใช้ไว้ชั่วคราว 3-5 ปี โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอำนาจของกทม.จะทำทันทีใช้พื้นที่ กทม.เป็นพื้นที่นำร่อง สร้าง “Bangkok legal Sandbox” เพื่อให้คนกรุงเทพฯได้กลับมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด 

3 ลดค่าใช้จ่ายและอํานวยความ สะดวกการเดินทางให้คนกรุงเทพ โดยค่าใช้จ่ายจะต้องไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินเดือน แต่ปัจจุบันพี่น้องคนกรุง ต้องเสียค่าใช้จ่าย สูงถึงเกือบครึ่งของเงินเดือน หากเป็นเช่นนี้ประชาชนก็จะหันกลับมาใช้รถยนต์ส่วนตัว และทำให้เกิดปัญหาการจราจรตามมา ดังนั้นรัฐบาลจะต้องคุยกับ กทม. และคุยกับเอกชน เพื่อให้ราคากลับมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งประเมินเบื้องต้นว่าไม่ควรเกิน 1,500 – 1,600 บาทต่อเดือน 

4 สร้างการจราจรที่ไหลลื่น ลด ปริมาณรถในแต่ละวัน ด้วยการสลับเวลาทํางาน ลดเวลาเรียน หรือการสลับวันเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีศักยภาพในการเรียนจากที่บ้านได้ ซึ่งจะบรรเทาปัญหาการจราจรลงได้ ลดการไปส่งลูกหลานที่ต้องเดินทางไปโรงเรียน  

5สร้างกทม .เป็นเมือง Start up และดิจิทัล Economy ของเอเชีย โดยเราจะสร้างกทม. ให้เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับดิจิทัล Economy เพราะเราอยู่ในยุคดิจิทัล ที่โอกาสทางธุรกิจเปิดกว้างมากๆ กทม .ต้องสนับสนุนพี่น้องชาวกรุงเทพ ในด้านนี้อย่างเต็มที แต่เราต้องกล้าปรับตัว กล้าปรับเปลี่ยนกฎ กติกา เพื่อรองรับการเติบโตของระบบเศรษฐกิจใหม่ในด้านนี้ ซึ่งหากกติกาเอื้อต่อการทำงาน กทม.จะไม่เป็นเพียงเมืองแค่น่าท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่กทม.จะเป้นเมืองที่น่าลงทุน จะทำให้กรุงเทพมหานคร และประเทศไทยได้รับประโยชน์จากตรงนี้อย่างมหาศาล ดังนั้นเราต้องปรับ กทม.ให้พร้อมรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ทั้งหมด

6.สร้างกรุงเทพ เป็นเมืองสุขภาพ รองรับพี่น้องประชาชนยามเจ็บป่วย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงทางสุขภาพ หลายพื้นที่ไปถึงโรงพยาบาลไม่ทันตามเวลา ซึ่งทีมไทยสร้างไทยได้วางเป้าหมายไว้ว่า ทุกเขตต้องมีโรงพยาบาลอย่างน้อย 1 โรงพยาบาล แต่ปัจจุบัน พบว่า กทม.มีเพียง 11 โรงพยาบาลเท่านั้น ดังนั้นเขตที่ยังไม่พร้อม มีโรงพยาบาลไม่เพียงพอจำเป็นต้องได้รับการเติมเต็ม 

7.การป้องกันและรักษาสุขภาพ โดยเพิ่มสวนสาธารณะ และเพิ่มเวลาบริการ รวมถึงสนามกีฬาและสถานที่ออกกําลังกาย เช่นในสมัยที่ตนเคยดำรงทำแหน่ง ประธานบอร์ดการท่าอากาศยาน ได้นำพื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่ามาทำสนามจักรยาน พื้นที่ออกกำลังกาย สนามเด็กเล่นและที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ติดอันดับ 1 ของโลกซึ่งมีประชาชนมาปั่นจักรยานมากกว่า 1 ล้านครั้งต่อปี ระยะทางไม่ต่ำกว่า 23.5 กิโลเมตรต่อครั้ง เฉลี่ยแล้วการพัฒนาพื้นที่รกร้างรอบสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้คนไทยปั่นจักรยานได้เฉลี่ย 30 กิโลเมตรต่อปี โดยภาครัฐไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว แต่มีเอกชนลงขันกันมาลงทุนเกือบ 2 พันล้าน ซึ่งหากตนได้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะดำเนินการลักษณะนี้ทั่วทุกมุมเมืองของกทม.

8สร้างกรุงเทพ เป็นเมืองสะอาดปลอดภัย มีระเบียบ

สร้างกรุงเทพ เป็นเมืองสะอาดปลอดภัย มีระเบียบ โดยเริ่มจาก Bangkok eyes กล้องวงจนปิดแบบ AIและเพิ่มแสงสว่างในทุกพื้นที่เพื่อป้องกัน อาชญากรรมและสร้งความสบายใจให้พี่น้องประชาชน , ลดฝุ่นพิษ PM2.5 โดยการควบคุมรถควันดํา และผลักดันสนับสนุนส่งเสริมการใช้รถ EV ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพทางเท้าให้พี่น้องประชาชนทุก คนใช้ได้อย่างปลอดภัย 

9.สร้างกรุงเทพ เป็นมหานครแห่งการ สร้างสรรค์ Creative metropolis เพื่อสร้างรายได้ให้คนกรุงเทพ จัด Event ในแต่ละเขตทุกเดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หมุนเวียนในชุมชนเช่น ที่ตลาดน้อยที่ต้องพลิกฟื้นชุมชนเก่าดังเดิมให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ พร้อมส่งเสริมให้แต่ละเขตมีความโดดเด่นทางอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของแต่ละชุมชน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกครั้ง

10. โรงเรียนดีใกล้บ้าน เริ่มจากให้โรงเรียนสังกัดกทม.ต้องมีมาตรฐานเท่าเทียม เพราะถ้าโรงเรียนมีมาตรฐานเท่าเทียมกันทั้งหมด โรงเรียนที่ดีที่สุดก็คือโรงเรียนใกล้บ้าน พร้อมกับพัฒนาโรงเรียน โดยมีเจ้าของภาษาเป็นผู้สอนเอง ผสมผสานการเรียนที่โรงเรียนและออนไลน์เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการเรียนได้อย่างเท่าเทียม ใช้อินเตอร์เน็ทฟรีอย่างเท่าเทียม และปรับหลักสูตรเน้นให้เด็กๆ ได้รู้จักตัวเอง และสามารถพัฒนาไป เป็นอาชีพที่สามารถทํามาหากินได้จริง 

11.การจัดการด้านน้ำท่วมอย่างมี ประสิทธิภาพ “ ลาขาดน้ำรอการระบาย ” การจัดการด้านน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมระบบระบายน้ำให้พร้อมใช้งานก่อนเข้าสู่ช่วงน้ำท่วม จัดทําระบบท่อและสัญญาณเตือนน้ำท่วมให้มีประสิทธิภาพที่ดีได้ โดยหลักการที่สำคัญต้องดูน้ำเหนือ น้ำหนุน และน้ำฝน ซึ่งกทม.มีตัวชี้วัดแล้วทั้งหมด แต่ยังไม่ได้นำตัวชี้วัดเหล่านั้นมาทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพ และที่ผ่านมา กทม.ไม่บริหารจัดการปล่อยให้น้ำในคลองสูงในระดับเดียวกับท่อระบายน้ำ โดยไม่เคยพร่องน้ำในคลองรอ จนเกิดปัญหาน้ำรอระบายบ่อยครั้ง ซึ่งหากมีการpบริหารจัดการในแต่ละเขตให้ดีปัญหาน้ำรอระบายก็จะเบาบางลง


'โภคิน' ชวนหนุน 'ศิธา' มั่นใจนโยบายสามารถสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มากที่สุด

ดร.โภคิน พลกุล ผู้อำนวยการนโยบายพัฒนา กทม. พรรคไทยสร้างไทย เผยถึง 4 เหตุผลที่พรรคไทยสร้างไทย ตัดสินใจเลือก น.ต.ศิธา ทิวารี เป็นผู้สมัครผู้ว่ากทม.ในนามพรรคว่า ปัจจุบันบ้านเมืองกำลังเผชิญปัญหาหลายด้าน จึงต้องเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมกันสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้ลูกหลาน โดยจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อประโยชน์ของประชาชน 

และพวกเราทีมไทยสร้างไทย มุ่งมั่นที่จะสร้างพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันการเมืองที่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน และเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยย้ำว่าต้องเป็นประชาธิปไตยเท่านั้น เราจึงจะก้าวข้ามปัญหาทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ ที่ผ่านมาประเทศไทยรวมถึงกรุงเทพฯถูกกดทับจากความคิดแบบอำนาจนิยมและรัฐราชการ จนถึงวันนี้ยิ่งชัดเจนว่าฝ่ายผู้มีอำนาจ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาและวิกฤตให้ประชาชนได้ ทั้งยังได้กลายเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง

ดร.โภคิน เห็นว่าหากเราจะแก้ปัญหาแบบเดิมหวังว่าจะมีฮีโร่มาช่วย ขอบอกว่าไม่มี เพราะการแก้ปัญหาประเทศนี้ต้องปลดปล่อยและสร้างอำนาจให้ประชาชนเท่านั้นจึงจะเป็นไปได้ หากเราหวังจะให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปได้ พี่น้องประชาชนจะต้องทำมาหากินได้ ที่ผ่านมาประชาชนยากลำบากแค่ขออนุมัติ ขออนุญาต เพียงอย่างเดียวพี่น้องประชาชนก็ใช้เวลารออย่างยาวนาน 6 เดือน 1 ปีจึงจะได้ประกอบอาชีพ ดังนั้นเราจึงมีแนวคิดว่าเราจะออกกฎหมาย เป็น พ.ร.ก.1 ฉบับเพื่อแขวนการบังคับใช้การขออนุมัติ ขออนุญาต และการลงโทษไว้ชั่วคราว 3-5 ปี เพื่อปรับปรุงกฎหมายใหม่ทั้งหมด และระหว่างนั้นจะปล่อยให้พี่น้องทำมาหากินได้เลย และเมื่อพี่น้องประชาชนได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการที่ถูกผูกมัดไว้แล้ว พรรคไทยสร้างไทย จะมุ่งส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุน พร้อมเติมเต็ม องค์ความรู้และเงินทุนโดยตั้งใจจะมีกองทุน 4-5 กองทุนใหญ่ ที่สำคัญคือกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็กหรือกองทุนคนตัวเล็ก ที่ปัจจุบันประชาชนต้องไปกู้หนี้ยืมสินนอกระบบร้อยละ 10 ร้อยละ 20 ต่อเดือน 

ดร.โภคิน ระบุว่า เหตุผลสำคัญที่ต้องเลือกศิธา ทิวารี หมายเลข 11 เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ มีความรู้ความสามารถ และที่ทำให้ตนแปลกใจคือบุคคลที่มาจาก ระบบราชการเช่นนี้ น่าจะอยู่ในกรอบของอำนาจนิยม และอาจมองข้ามประชาชน แต่ตรงกันข้าม น.ต. ศิธา ทิวารี กลับคิดถึงประชาชน มองประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งทั้งหมด ตรงกับปณิธานของพรรค จึงมาร่วมก่อตั้งพรรคด้วยกัน ดังนั้นการจะปลดปล่อยประชาชน กทม. หากอยู่ในอำนาจของผู้ว่ากรุงเทพฯจะทำทันที แต่ด้านใดที่ยังต้องขอความร่วมมือกับหน่วยงานราชการ หรือภาคเอกชนอื่น ทีมไทยสร้างไทยจะขอความร่วมมืออย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน 

พรรคไทยสร้างไทยจึงเชื่อมั่นในศิธา ทิวารี เช่นเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดการท่าอากาศยาน ได้คิดต่างด้วยการสร้างเลนจักรยานรอบสนามบิน ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้เป็นไปได้ จึงเชื่อมั่นว่า น.ต.ศิธา จะติดต่าง เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนได้มากที่สุด สามารถทำมาหากินได้มากที่สุด เพราะกล้าคิดต่าง และที่สำคัญเราต้องร่วมการต่อสู้กับแนวคิดแบบรัฐราชการ ที่ไม่เห็นหัวและกดทับประชาชน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น เราจึงคิดระบบต่างๆที่จะให้พี่น้องประชาชนสามารถร้องเรียนได้โดยตรง โดยใช้เป็นระบบแบบดิจิทัลและมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงขอฝากศิธา ทิวารี และส.ก.พรรคไทยสร้างไทย ทั้ง 50 เขต