ไม่พบผลการค้นหา
'ไทยสร้างไทย' เปิดตัว 'ศิธา ทิวารี' อดีตนักบิน F-16 ลุยสนาม ผู้ว่าฯ กทม.  ด้าน 'ศิธา' ขออาสาทำในสิ่งที่ผู้ว่าคนอื่นไม่เคยทำ ประกาศติดปีกเมืองหลวงให้คนกรุงเทพฯ ชูธงสร้างคน สร้างลูกหลานให้เป็น Global Citizen ทะยานสู่การเป็นมหานครของโลก

ที่โกดังสเตเดียม ท่าเรือคลองเตย พรรคไทยสร้างไทย ทำการเปิดตัว ผู้พันปุ่น - น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย เป็นผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อย่างเป็นทางการ และมีการเปิดตัวผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 50 เขตด้วย 

โดย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงนโยบายหลักของพรรค และสาเหตุที่ตัดสินใจส่งทั้งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. และสก. ครบทุกเขตว่า เป็นเพราะเรารู้ความจริง จะหลอกประชาชนไม่ได้ว่า อำนาจไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้ว่าฯคนเดียว แต่เกี่ยวพันถึงสภาและรัฐบาล ไม่มีใครทำงานเสมือนเป็นฮีโร่คนเดียวได้ ต้องมีทีมทำงานที่แข็งแรง ต้องมีพรรคการเมืองที่จริงใจกับประชาชนคอยสนับสนุน และทำงานร่วมกับ ส.ส.ในสภาที่ให้การสนับสนุนทีมทำงานเมืองอย่างเต็มที่ และที่สำคัญที่สุดคือต้องมีผู้ว่าฯกทม.ที่มีความสามารถ รู้ปัญหาคนกรุงเทพฯ จริงๆ

LINE_ALBUM_220330_28.jpg

ดังนั้น ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก. ของเรา ต้องมี DNA พรรคไทยสร้างไทย คือ มีประชาชนอยู่ในทุกลมหายใจ และผู้มีความเหมาะสมจะเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ที่สุด คือ ศิธา ทหารประชาธิปไตย เพื่อนร่วมงานทางการเมืองของตนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทุกนโยบายที่ตนเคยนำเสนอเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตประชาชน


'ศิธา' ขออาสาทำในสิ่งที่ผู้ว่าคนอื่นไม่เคยทำ

น.ต.ศิธา ทิวารี ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีเปิดใจหลังได้รับความไว้วางใจจาก พรรคไทยสร้างไทยให้ทำหน้าที่ ตัวแทนพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้ง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า เมื่อ 22 ปีที่แล้วได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งแรกที่เขตคลองเตย และครั้งนั้นถูกมองว่าเป็น “ม้านอกสายตา” เพราะคู่แข่งคือ “อาณัฐชัย รัตตกุล” อดีต ส.ส. 3 สมัย จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นทั้งลูกชายของ “พิชัย รัตตกุล” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นทั้งน้องชายของ “ดร.พิจิตต รัตตกุล” อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 

แม้รู้ว่าเป็นรอง แต่ตนเป็นคนไม่ยอมแพ้ ไม่ท้อถอย ชัดเจน จริงจัง เข้มแข็ง และสู้ในสนามเลือกตั้งถึงวินาทีสุดท้าย จนได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นตัวแทนของพี่น้องชาวคลองเตย มีโอกาสทำงานในพื้นที่ เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวคลองเตย ลงไปอยู่กับพี่น้องประชาชน กินนอนกับพี่น้องประชาชน นำมาสู่การได้รับความไว้วางใจ ให้เป็นผู้แทนราษฎร ถึง 2 สมัยติดต่อกัน

ต่อมา เมื่อพ้นจากการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังพรรคที่สังกัดในเวลานั้นถูกยุบ ก็ได้รับการชักชวนจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นนักการเมืองที่เคารพรัก และเป็นต้นแบบในการทำงานให้มาร่วมสร้างพรรค "สร้างประเทศไทยที่ดีที่สุดให้กับลูกหลานทุกคน” พาประเทศไทยออกจากวิกฤต การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่ถาโถมเข้ามา 

LINE_ALBUM_220330_36.jpg

และในวันนี้ เป็นอีกก้าวย่างสำคัญของชีวิต ที่ได้รับความไว้วางใจจากพรรคไทยสร้างไทย ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงขอใช้ศักยภาพทั้งหมดที่มี สร้างกรุงเทพที่ดีที่สุดให้กับทุกคน ทำให้สุดความสามารถ เพื่อจะได้ตอบกับลูกหลาน อย่างภาคภูมิใจว่า “พ่อได้ทำดีที่สุด พ่อจะเป็น “นั่งร้าน” ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลาน ร่วมสร้างอนาคตประเทศไทย สร้างอนาคตของกรุงเทพ เพื่อทุกคน ซึ่งมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ “สู้ได้ และจะสู้ให้สมศักดิ์ศรี” เป็นทางเลือกใหม่ที่ดีที่สุดให้แก่ คน กทม. ทุกคน 

ศิธา ระบุด้วยว่า เมื่อมองดู “กรุงเทพมหานคร” แล้วเปรียบเสมือน “ประเทศไทยย่อส่วน” ที่การจัดวางสำนัก กรม กอง ไม่ต่างกับ กระทรวง ทบวง กรม ของรัฐบาลกลาง ซึ่งส่วนตัว เคยรับข้าราชการ และเป็นข้าราชการการเมืองมาก่อน มีโอกาสรับผิดชอบดูแลในหลายด้าน โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานคร ทำให้รู้ว่า นอกจากจะต้องใช้กลไกของ กทม. ทั้ง 50 เขตแล้ว จะต้องอาศัยความร่วมมือกับจังหวัดรอบข้างด้วย ไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพอย่างยั่งยืนได้

ศิธา กล่าวเพิ่มเติมว่า ความเป็นผู้นำของผู้ว่าฯ กทม. มีความสำคัญ เพราะต้องไปประสานความร่วมมือกับจังหวัดรอบข้าง และรัฐบาลกลางให้ได้ ดังนั้นความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

"ผมจะเป็นมือประสานที่ดี บริหารให้เป็น เข้าใจโลกและรู้คุณค่าของประชาชน เพื่อสร้างกรุงเทพที่ดีที่สุด กรุงเทพฯจะต้องเป็นมหานครของโลก ด้วยการติดปีกให้คนกรุงเทพฯ และผมจะร่วมกับพี่น้องประชาชนทุกคน สร้างลูกหลานของเรา ให้เป็น Global Citizen ผมจะขอทำในสิ่งที่ผู้ว่า กรุงเทพฯคนอื่นไม่เคยทำ" ศิธา กล่าว 

สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม หรือ 3P “People Profit Planet” เพื่อยกระดับกรุงเทพ ให้เป็น “มหานครของโลก ที่คนทั่วโลกยอมรับ” ประกอบด้วย

"People" 

การสร้างเมืองแห่งโอกาสให้ชาวกรุงเทพ โดยตนจะเป็นผู้ว่าฯคนแรก ที่ให้อำนาจ ชาวกรุงเทพทุกคน มีส่วนร่วมในการบริหารและตรวจสอบการใช้งบประมาณ กทม. ด้วยสภาชุมชน (Community Council) เพื่อกำจัดคอรัปชั่น เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ กทม.ด้วยระบบกระจายอำนาจการตรวจสอบ (Decentralized Autonomous Organizatiom:DAO) ด้วยเทคโนโลยี Blockchain โดยประเมินความสามารถของทุกหน่วยงานของ กทม. จะใช้ Bangkok Coin ให้รางวัลจูงใจในการสร้างการมีส่วนร่วมของคน กทม. เพื่อให้เป็น Active Citizen 

LINE_ALBUM_220330_38.jpg

และที่สำคัญที่สุด จะลงทุนกับการสร้างคนให้มากที่สุด ตั้งแต่ กรุงเทพฯเคยมีผู้ว่าราชการจังหวัดมา โดยจะทำโรงเรียนสังกัด กทม. ให้มี “มาตรฐาน” ทัดเทียมกัน “ความเป็นเลิศทางการศึกษา” ต้องไปพร้อมกันทุกโรงเรียน จะช่วยกันเปลี่ยนโรงเรียนจากเดิม “สอนเด็กให้อยู่ในระบบ ไม่ต่างจากหุ่นยนต์” ให้เด็กสามารถ “คิดเป็น และค้นพบความต้องการของตัวเอง” โดยครู จะเป็น Facilitator ไม่ใช่เป็นแค่ผู้ป้อนความรู้ ถ้าหากตนเป็นผู้ว่า กทม. โรงเรียนที่ดีที่สุด คือ โรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุด เพราะมาตรฐานของทุกโรงเรียนเท่ากัน ไม่อยากให้เด็ก กทม. ต้องโตในรถ ต้องเจอรถติด เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนชื่อดัง 

"Profit" 

สร้างมหานครแห่งความมั่งคั่ง เพื่อ Take off กรุงเทพ โดยตนจะนำร่องกองทุนเครดิตประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อล้างหนี้นอกระบบ ให้ทุกคนตั้งตัวได้ ประชาชน “คนตัวเล็ก” ไม่ต้องกู้หนี้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยแสนโหด จากร้อยละ 20 ต่อเดือน ให้สามารถกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน ร้อยละ 1 ต่อเดือน 

สร้าง Bangkok Creative City ใช้วัฒนธรรมนำเศรษฐกิจ จัด event สร้างรายได้ให้ทุกเขต ทุกเดือนทั่วกรุงเทพ 

สร้างเมืองหลวง Street Food ของโลก อาหารสะอาด รสชาติอร่อย สร้างที่ค้าขาย ทุกเขตทั่วกทม. ได้ 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งแก้ปัญหาส่วยหาบเร่แผงลอย ด้วย DAO และกลไกสภาชุมชน สร้างกรุงเทพให้เป็น New Economy Hub บ่มเพาะเด็กกรุงเทพให้เป็น nano entrepreneur ด้วยการสนับสนุนเงินลงทุนและให้ความรู้ ควบคู่ไปกับการสร้าง ecosystem ของกรุงเทพให้เป็นออฟฟิศดึงดูดคนเก่ง และนักลงทุนจากทั่วโลก

"Planet"

สร้างคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพอย่างยั่งยืน บอกลาน้ำรอระบาย ด้วยแพ็คเกจแก้น้ำท่วมก่อนกรุงเทพจมบาดาล ลดมลพิษ ลดฝุ่น PM2.5 โดยห้ามรถที่ปล่อยควันเสียวิ่งในกทม. ควบคุมการก่อสร้าง เร่งปลูกต้นไม้ ผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดย กทม.สนับสนุนการตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในทุกเขต

สร้างเมืองสุขภาพดี เพิ่มสถานที่ออกกำลังกายตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ แจกสายรัดข้อมืออัจฉริยะ ส่งเสริมคนกทม.ให้ออกกำลังกาย คนกรุงเทพต้องไม่ตายผ่อนส่งจากโรคมะเร็ง ต้องกินอาหารที่ปลอดภัย ปลอดสารพิษ โดยการตรวจอย่างเคร่งครัด เพิ่มพื้นที่สีเขียว จาก 6.97 ตร.ม./คน เป็น 9.0 ตร.ม./คน ตามมาตรฐานนานาชาติ พร้อมปูพรมบริหารจัดการขยะ ซึ่งตนจะขอทุบทำลายทุกปัญหาให้คนกรุงเทพ จะไม่แก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูก ไม่เกี้ยเซี้ยปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์ใน กทม. เป็นสมบัติผลัดกันชม เราจะทุบหม้อข้าวผู้ที่หาผลประโยชน์ทางการเมือง ในหน่วยงานต่างๆที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต 

"พรรคไทยสร้างไทย ตนเอง และผู้สมัคร ส.ก. ทุกคนมีความตั้งใจ มีความพร้อมที่จะ สร้างกรุงเทพที่ดีที่สุดร่วมกับ พี่น้องชาว กทม. ตนเป็นคนของประชาชนมาทั้งชีวิต รู้ปัญหาต่างๆของประชาชน เข้าใจและรู้คุณค่าของประชาชน ดังนั้นเราจะมาร่วมกันสร้างกรุงเทพให้เป็นมหานครของโลก ที่ทุกคนยอมรับ ด้วยการติดปีกให้คนกรุงเทพ และสร้างลูกหลานของเรา ให้เป็น Global Citizen โดยจะทำในสิ่งที่ผู้ว่า กทม. ไม่เคยทำ" ศิธา กล่าว

ขณะเดียวกัน ได้ประกาศเปิดกองอำนวยการการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานครของพรรคไทยสร้างไทย โดยมี ประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. และ ส.ก. ดร.โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย เป็นผู้อำนวยการนโยบายพัฒนา กทม. และ สุธา ชันแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ภาค กทม.

สำหรับ ศิธา นั้น หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิตจากโรงเรียนนายเรืออากาศ รุ่น 31 ได้เข้ารับราชการในสังกัดกองทัพอากาศ จนได้เป็นนักบินขับไล่ F-16 ประมาณ 8 ปี โดยตำแหน่งสุดท้ายก่อนลาออกจากราชการ คือ รองหัวหน้าแผนกแผนร่วม กองนโยบายและแผน กรมยุทธการ กองทัพอากาศ ต่อมา ตัดสินใจลาออกจากราชการกองทัพอากาศ เดินหน้าบนเส้นทางการเมืองด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. พรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2543 ก่อนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2549

สำหรับตำแหน่งทางการเมืองก่อนหน้านี้ ศิธา เป็นอดีตผู้ประสานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย อดีตประธานคณะกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และ ในช่วงรัฐบาล ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เป็นอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

การเปิดตัวในวันนี้ส่งผลให้ ศิธา กลายเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 7 และตัวแทนพรรคการเมืองลำดับที่ 4 ถัดจาก ‘สกลธี ภัททิยกุล’ ผู้สมัครอิสระ ‘วิโรจน์ ลักขณาอดิศร’ พรรคก้าวไกล ‘สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ ‘ประยูร ครองยศ’ พรรคไทยศรีวิไลย์ ‘รสนา โตสิตระกูล’ ผู้สมัครอิสระ และ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้สมัครอิสระ