สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เมื่อปี 2018 ญี่ปุ่นได้ให้สถานะผู้ลี้ภัยกับผู้ขอสถานะคนหนึ่งที่ถูกตำรวจจับกุมในประเทศบ้านเกิดเพราะเป็นคนหลากหลายทางเพศ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่นระบุว่า "การรักเพศเดียวกันเป็นลักษณะที่มีความเชื่อมโยงอย่างแน่นแฟ้นกับบุคลิกหรืออัตลักษณ์ และยากจะที่เปลี่ยนแปลงได้"
ผู้ลี้ภัยคนนี้ถือเป็นคนแรกที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยจากญี่ปุ่นด้วยเหตุผลว่าถูกกดขี่ทางเพศในประเทศบ้านเกิด ซึ่งทนายความของผู้ลี้ภัยคนนี้กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการอนุญาตให้คนหลากหลายทางเพศชาวต่างชาติที่มีคู่รักเป็นพลเมืองญี่ปุ่น สามารถพำนักในญี่ปุ่นได้เป็นกรณีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ทางการญี่ปุ่นไม่ได้เปิดเผยสัญชาติ เพศ หรือข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ลี้ภัยคนนี้ บอกเพียงว่า ผู้ลี้ภัยคนนี้มาจากประเทศที่มีกฎหมายลงโทษจำคุกบุคคลที่มีเพศสัมพันธ์กับคนเพศเดียวกัน และเขาก็ถูกจำคุกไปแล้ว 2 ปี ก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นระหว่างได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำ ญี่ปุ่นจึงให้สถานะแก่��ขา เพราะพิจารณาแล้วว่า ผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัยคนนี้อาจถูกจับกุมอีก หากกลับไปยังประเทศบ้านเกิด
เอริ อิชิคะวะ หัวหน้าสมาคมเพื่อผู้ลี้ภัยในญี่ปุ่นกล่าวว่า พวกเขายินดีกับความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นครั้งนี้ เพราะการให้สถานะผู้ลี้ภัยกับคนที่ถูกกดขี่เพราะรสนิยมทางเพศถือเป็นเรื่องปกติในหลายประเทศทั่วโลก รัฐบาลญี่ปุ่นควรรับผู้ลี้ภัยมากขึ้นตามมาตรฐานสากล และควรใช้ความช่วยเหลือทางการเงินกับผู้ขอสถานะผู้ลี้ภัยที่อยู่ในขั้ยตอนการรอการพิจารณาคำร้อง
จากข้อมูลของ ILGA องค์กรด้านความหลากหลายทางเพศระบุว่า ปัจจุบันมี 70 ประเทศที่ยังลงโทษคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจะวันออกกลางและแอฟริกัน และในจำนวนนี้มีถึง 11 ประเทศที่มีบทลงโทษสูงสุดคือประหารชีวิต
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระบบคัดกรองผู้ลี้ภัยที่เข้มงวดอย่างมาก โดยปี 2018 ที่ผ่านมา มีผู้ยื่นขอสถานะผู้ลี้ภัยในญี่ปุ่นทั้งหมด 10,493 คน แต่มีเพียง 42 คนเท่านั้นที่ได้รับสถานะผู้ลี้ภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ที่มา : Pink News, Japan Times
