นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานกรรมการและคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือมิลค์บอร์ด เพื่อขอคัดค้านการคัดเลือกและการจัดสรรสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนในโครงการอาหารเสริมภาคเรียนที่ 2/2561 คณะอนุกรรมการบริหารจัดการโครงการอาหารเสริมนมโรงเรียน และขอทราบเหตุผล
จากคณะกรรมการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยมีข้อสงสัย กระบวนการจัดสรรนมพบว่ามีเหตุกรณีที่ผู้ประกอบการได้รับสิทธิการจำหน่ายนม โรงเรียนเทอมที่ 1/2561 ที่กระทำผิดหรือไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการอาหารเสริม แต่เหตุใดคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นมจึงไม่มีบทลงโทษหรือลดการจัดสรรสิทธิสำหรับผู้ประกอบการที่มีความผิดดังกล่าว ในการจัดสรรสิทธิจำหน่ายนมโรงเรียนในภาคเรียนที่ 2/2561
เมื่อพบผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์คณะกรรมการ ใช้ระเบียบใดโอนสิทธิ์การจำหน่ายนมโรงเรียนไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นโดยไม่นำมาจัดสรรสิทธิใหม่ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่
จากการตรวจสอบยังพบนมดิบที่ไม่ได้มาตรฐาน สะท้อนถึงแหล่งที่มา และกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน แต่เหตุใดคณะกรรมการจึงสั่งให้โอนย้ายสิทธิไปให้ผู้ประกอบการรายอื่นโดยไม่มีการระงับหรือจำหน่ายหรือห้ามโอนสิทธิเพื่อตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำนมดิบจนกว่าจะได้มาตรฐานเป็นไปตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องโคนม และสงสัยว่าเหตุใดคณะอนุกรรมการจัดสรรสิทธิจึงให้สิทธิ์จำหน่ายนมกับผู้ประกอบการรายใหม่ โดยไม่มีประวัติการจำหน่ายนมโรงเรียนมาก่อน
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยังพบว่าสิทธิการจำหน่ายนมโรงเรียนอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ซึ่งมีข้อสงสัยว่าคณะอนุกรรมการได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์หรือระเบียบอย่างเคร่งครัดหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบว่ามีกรณีการจัดสรรสิทธิของอนุกรรมการ ที่ยื่นขอจัดสรรสิทธิหลายรายเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ ทั้งที่บางราย เคยถูกตรวจสอบพบ ว่าไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และระเบียบ การจำหน่ายนมโรงเรียนในโครงการอาหารเสริม
สำหรับโครงการนมโรงเรียนเป็นนโยบายสาธารณะที่รัฐบาลทุกสมัยได้มอบให้กับเด็กนักเรียนทั่วประเทศซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 7.5 ล้านคน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ดื่มนมที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงเพื่อแก้ปัญหาการขาดสารอาหารในวัยเรียน โดยรัฐจะจัดสรรงบประมาณให้กว่า 14,000 ล้านบาททุกปีและมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับนักเรียนและประโยชน์ทางอ้อมกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ที่ได้รับสัดส่วนแบ่งเป็นค่าน้ำนมดิบ 7-8 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับมาตรวจสอบพบ การกระทำที่ส่อไปในทางทุจริต.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :