ไม่พบผลการค้นหา
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันให้ความสำคัญคดี 'สมชาย นีละไพจิตร' ตามกฎหมาย ย้ำพยานสำคัญอยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าว กรณีนางอังคณา นีละไพจิตร คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ได้นำเสนอข้อมูลในงานเสวนาวิชาการ เนื่องในโอกาสวันสากลแห่งการต่อต้านการบังคับให้สูญหาย จัดโดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (Police watch) ร่วมกับมูลนิธิผสานวัฒนธรรม เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยบางส่วนกล่าวถึงคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความ ว่าคดีอยู่ในกระบวนการศาล โดยพยานสำคัญปากหนึ่งหายตัวไป และกล่าวพาดพิงว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่เต็มใจในการทำคดีนี้ สิ่งที่เป็นความเลวร้าย คือ การสร้างความหวาดกลัวคนในสังคม สร้างความคลุมเครือระหว่างยังมีชีวิตหรือไม่ นั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจหน้าที่สืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีพิเศษและดำเนินการเต็มความสามารถทุกเรื่อง กรณีดังกล่าวคณะกรรมการคดีพิเศษได้มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเป็นคดีพิเศษ ซึ่งคดีเกิดมาเป็นเวลานานและไม่มีการพบศพนายสมชาย หรือชิ้นส่วนของร่างกายอื่นๆ ที่พอรับฟังว่ามีการตายเกิดขึ้น จึงต้องมีการสืบสวนสอบสวนเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่านายสมชายฯ ได้เสียชีวิตแล้วหรือไม่ และผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด ทำให้ยังไม่สามารถระบุว่าเป็นความผิดทางอาญาฐานฆ่าผู้อื่นได้

ส่วนความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น พนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการสอบสวนดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องและมีการนำคดีสู่ศาลอาญาจนมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วดังที่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณชนมาก่อนหน้านี้

สำหรับประเด็นเกี่ยวกับพยาน กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันว่าพยานสำคัญยังอยู่ในความคุ้มครอง แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ. 2546 กำหนดให้การคุ้มครองพยานในคดีอาญาเป็นเรื่องลับ จึงไม่อาจแจ้งข้อเท็จจริงให้บุคคลอื่นได้ทราบ


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :