คุณภาพชีวิต
รัฐตั้งบอร์ดแก้ปัญหานำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกต้อง
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเป็นประธาน ได้สั่งการในการแก้ไขปัญหาสำหรับมาตรการเร่งด่วน กรณีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือพลาสติก 3 มาตรการ โดยระงับการนำเข้าขยะแบบไม่ถูกต้อง หากตรวจสอบพบว่าสำแดงเท็จให้ผลักดันออกนอกประเทศไปยังประเทศต้นทาง พร้อมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกนำเข้าไปยังโรงงานไม่ถูกต้องตามใบอนุญาต ให้ส่งกลับไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาตหรือนำไปกำจัดให้ถูกต้องและให้ดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดกฎหมาย
ที่ประชุมยังสั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรม เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ โรงงานรับกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้ตรวจสอบตามเงื่อนไขที่ได้ขออนุญาตไว้รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด พร้อมเพิ่มระบบกำกับการขนส่งขยะจากท่าเรือไปยังโรงงาน รวมถึงเสนอให้มีการยกเลิกการนำเข้าการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ยังได้สั่งการในที่ประชุม ให้จัดตั้งคณะกรรมการโดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพ โดยมี รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม กรมควบคุมมลพิษ กรมศุลกากรและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง กอ.รมน. จัดตั้งเป็นคณะทำงานและพิจารณาเร่งด่วน ในสองประเด็น คือ
- พิจารณาห้ามขยะสารพิษเข้าประเทศให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
- หากดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้จะต้องใช้มาตรา 44 ก็จำเป็นต้องใช้
นอกจากนี้ ที่ประชุม รายงานว่า โรงงานคัดแยกขยะในประเทศไทย มีทั้งหมด 148 โรงงาน ดำเนินการไม่ถูกต้องตามวิธีการคัดแยกขยะ ถึงร้อยละ 90 และพบว่าโรงงานกำจัดขยะ มี 7 โรงงาน ทำไม่ถูกต้อง 5 โรงงาน ดำเนินการถูกต้องเพียง 2 โรงงาน ซึ่งทั้ง 7 โรงงาน เป็นของผู้ประกอบการชาวจีน
มท.1 คาดแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่เกิน 2 สัปดาห์
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า การนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดที่เข้ามาผิดเงื่อนไขหมดทั้งจำนวนและชนิด ซึ่งพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอว่าให้กระทรวงอุตสาหกรรมยกเลิกเพื่อไม่ให้นำเข้ามาอีก แต่ไม่ใช่มีเพียงขยะชนิดนี้เท่านั้น แต่จะต้องดูขยะชนิดอื่นด้วย หากไม่เกิดประโยชน์หรือเป็นภาระให้กับประเทศจะไม่อนุญาตให้นำเข้ามา
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนของกระทรวงมหาดไทยท้องถิ่นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ยังติดปัญหาการเข้าไปตรวจสอบเพราะอาจกลายเป็นการเข้าไปบุกรุกพื้นที่ ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการที่ทำให้เข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งจะต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปด้วย และจะต้องมีการป้องกันเพื่อไม่ให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จึงเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่สายเกินไปที่จะแก้ปัญหา
ส่วนจะมีการใช้คำสั่ง คสช. มาตรา 44 แก้ปัญหาดังกล่าวหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า หากมีความจำเป็นก็ต้องใช้ แต่หากมีการทำผิดกฏหมายหรือเงื่อนไขก็ไม่จำเป็นต้องใช้ หรืออาจใช้กฏกระทรวงในการอนุญาตนำเข้ามาก็จะต้องมีการแก้ไขกฏกระทรวงต่อไป แต่อาจใช้เวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์
ข่าวเกี่ยวข้อง :
