พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ครั้งที่ 4/2561 ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาขยายระยะเวลา การประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของรัฐ ในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินประชาชน โดยเห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อเห็นชอบขยายระยะการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว ในทุกอำเภอ ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาย จ.ปัตตานี, อ.เบตง จ.ยะลา, และอ.สุไงกโก-ลก จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ธค. 2561 - 19 มี.ค. 2562 ซึ่งขยายระยะเวลาเป็นครั้งที่ 54
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้ พิจารณาปรับลด พื้นที่ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อนำมาตราการ ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาบังคับใช้แทน เรื่องจาก กอ.รมน.ได้ประเมินตามตัวชี้วัดของแผนการและขั้นตอนการปรับลดพื้นที่แล้ว ซึ่งเป็นการสะท้อน ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการดูแลความมั่นคงและประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ของประเทศ รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจแฃะชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนควบคู่กัน และนำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป
พร้อมกันนี้ ได้รับการรายงานจากพื้นที่ ว่าการแก้ปัญกาในภาพรวมได้รับการตอบรับในพื้นที่ การทำงานเป็นอย่างบูรณาการดูแลปัญหายาเสพติด ขณะที่ ศอ.บต.ในปีหน้า จะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข การรักษาโรคหัด ที่มีปัญหาในพื้นที่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต
ส่วน พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ ในที่ประชุม ให้ทุกหน่วยงานร่วมกันทำงานเพื่อสร้างความมั่นใจกับประชาชน ทั้งเรื่องดูแลความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน การประกอบอาชีพ การดำรงชีวิต ได้อย่างปกติสุข เน้นการปราบปรามและป้องกันยาเสพติด ที่ถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในพื้นที่
ด้านความคืบหน้าการพูดคุยสันติสุขนั้น ทุกอย่างก็เดินหน้าไปตามแนวทางที่มีอยู่ ยังคงมีกำหนดการพูดคุยของคณะยังมีต่อเนื่อง ยังไม่ระบุวันที่ชัดเจน ว่าจะเกิดขึ้นปลายเดือนนี้หรือไม่ (พ.ย. 2561)
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของความรุนแรงที่อาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ทั้งจากการปราบปรามยาเสพติดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีบางส่วนมาเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง หรือเรื่องของการเลือกตั้ง ที่อาจมีการต่อสู้ทางการเมือง และอาจมีความรุนแรงเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงได้เน้นย้ำให้ไปตรวจสอบด้านด้านการข่าว
ขณะที่ สถานการณ์ความเรียบร้อยของบ้านเมืองในช่วงนี้ ยังเป็นปกติ ซึ่งการแข่งขันทางการเมืองยังไม่มีผลกระทบ ต่อการเลือกตั้ง แต่ก็ให้หน่วยงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ ไม่ให้เกิดความรุนแรง ส่วนกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมือง ก็ยังเคลื่อนไหวตามปกติ ยังอยู่ในสถานการณ์ที่สามารถควบคุมได้
ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำหน่วยที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง เพราะบางอย่างอยาจเป็นเรื่องของยาเสพติด บางอย่างอาจเป็นเรื่องการเมือง หรือเรื่องอื่นๆ ที่มาเกี่ยวพันความไม่สงบ
ส่วนประเมินสถานการณ์แล้วจะมีเลื่อน เลือกตั้งหรือไม่ ขอให้ไปถามกับทาง กกต.แต่เรื่องดังกล่าว รัฐบาลและรองนายกฯ ได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งขณะนี้มีหลายข่าวเกิดขึ้น จึงขอให้ติดตามข่าวสารจากช่องทางราชการ แต่ยืนยันว่าทั้งหมดรัฐบาลได้ประกาศโรดแมป ออกไปหมดแล้ว