ภายหลังจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ออกประกาศจัดระเบียบ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยประกาศดังกล่าวมีคำสั่ง 3 เรื่องหลักๆ คือ ห้ามนักท่องเที่ยวพักค้างแรมบนเกาะ ให้จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่เกิน 3,850 คนต่อวัน และห้ามเรือบรรทุกเกิน 100 คน วิ่งเข้าเขตอุทยานฯ เพื่อลดผลกระทบต่อธรรมชาติ และกำหนดให้ผลบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (15 ต.ค.61) เป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่อุทยานฯ เปิดการท่องเที่ยวทางทะเลในภาคใต้ คือ 15 ตุลาคม - 15 พฤษภาคมของทุกปี
ปรากฏว่า บรรยากาศการเปิดเกาะสิมิลันวันแรกค่อนข้างเงียบเหงา มีนักท่องเที่ยวบางตาเมื่อเทียบกับทุกปี และพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังหมู่เกาะสุรินทร์เท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการไม่กล้าเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ทำแต่เพียงจดทะเบียนผู้ประกอบการ แต่ไม่มีการควบคุมโควต้าของผู้ประกอบการเหมือนในปีนี้ที่ประกาศคุมให้ผู้ประกอบการแต่ละราย นำนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะสิมิลันได้เจ้าละ 70 คน ในทุกประเภทตั๋ว หรือ 2 ลำเรือต่อวันเท่านั้น จึงส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการบางราย ที่ทำธุรกิจต่อเนื่องมาแล้วหลายปี จนมีเรือ 5-10 ลำ และต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเช่นค่าเรือและพนักงานที่ลงทุนไปแล้ว ซึ่งบรรยากาศที่เงียบเหงาส่วนนึงเกิดจากมติผู้ประกอบการนำเที่ยวหมู่เกาะสิมิลันจำนวน 50 บริษัท ประกาศหยุดเดินเรือในวันที่ 15-16 ตุลาคม เพื่อรอท่าทีรัฐบาลก่อน
ด้านผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวย่านถนนข้าวสาร กล่าวว่า แม้จะยังไม่ได้รับผลกระทบต่อการจัดระเบียบนี้ เนื่องจากเป็นนักท่องเที่ยวคนละกลุ่ม แต่เชื่อว่าการที่กรมอุทยานฯ ประกาศจัดระเบียบแบบกระชั้นชิดคือล่วงหน้า 6 วัน จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจทัวร์ โรมแรมในย่านดังกล่าวอย่างแน่นอน แต่หากมองในระยะยาว เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเกิดผลกระทบต่อธรรมชาติลดลง และหากมองในมุมธุรกิจ ก็จะได้เงินหมุนเวียนที่เร็วขึ้น เพราะที่นักท่องเที่ยวไป-กลับ จะได้กำไรที่เร็วและมากกว่านักท่องเที่ยวไปนอนพัก
ขณะที่ เว็บไซต์มติชนออนไลน์ รายงานว่า นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ หากจะยกระดับมาตรฐานแหล่งท่องเที่ยวสู่สากล ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี ที่จะให้มีการเติบโตด้านเศรษฐกิจ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
พร้อมเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาหมู่เกาะสิมิลัน มีนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะวันละ 6,000-7,000 คน ส่วนแหล่งท่องเที่ยว มีขีดความสามารถในการรองรับไม่ไหว เช่นเรื่องมีห้องน้ำ ห้องสุขา มีรองรับที่เกาะแปดเพียง 2 หลัง ส่วนที่เกาะ สี่ มีเพียง 4 หลังเท่านั้น และไม่มีพื้นที่สร้างได้เพิ่มเติมแล้ว จึงมีสิ่งปฏิกูล ขยะและน้ำเสียที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมการท่องเที่ยวจำนวนมาก หากปล่อยเวลาให้นานกว่านี้ อาจจะต้องปิดฟื้นฟูแบบไม่มีกำหนดเหมือนอ่าวมาหยาและหมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับผลกระทบมากกว่านี้
นายทรงธรรม กล่าวอีกว่า การกำหนดโควต้าเป็นเพียงหลักการที่หารือกันในที่ประชุมเท่านั้น สามารถหารือ เพื่อหาตัวเลขที่เหมาะสมได้อีกครั้ง ยืนยันว่าการพิจารณาครั้งนี้ คำนึงถึงผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายรายใหญ่ ทั้งนี้ขอแนะนำให้ผู้ประกอบการขึ้นค่าแพคเก็จทัวร์ที่ขายให้กับชาวต่างชาติด้วย ตามกลไกลของของตลาด ซึ่งสามารถทำได้อยู่แล้ว เพราะสิมิลันมีความสวยงาม หากเป็นในต่างประเทศราคาจะสูงกว่านี้มาก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :