ไม่พบผลการค้นหา
จากผลสำรวจพบว่าวัยรุ่นในลอนดอนฆ่าตัวตายมากขึ้นด้วยสาเหตุรู้สึกหมดหวังในการมีชีวิตอยู่ ขณะที่สถิติการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 % และมากกว่าอัตราการเกิดของเด็กใน UK ถึง 4 เท่า

ผลสำรวจที่รวบรวมโดย Brent Centre ศูนย์รวบรวมข้อมูลเกี่ยววัยรุ่นของอังกฤษระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2013 -2016 วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในลอนดอนช่วงอายุ 10-19 ปี พบว่ามีการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 107 ขณะที่วัยรุ่นช่วงอายุ 14-29 ปีในพื้นที่อื่นๆของอังกฤษและเวลล์ มีสถิติการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่า สภาพแวดล้อมที่มีความกดดันสูง ส่งผลให้วัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองและความรู้สึกโดดเดี่ยว ทำให้พวกเขารู้สึกไม่มีความหวัง ทั้งในเรื่องการศึกษาและโอกาสในการหางานทำ

ผลสำรวจยังระบุว่า หลายปีที่ผ่านมาวัยรุ่นในลอนดอนมีอาการป่วยทางด้านจิตใจเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 59 ในช่วงละหว่างปี 2014 -2017 ซึ่งจากการสำรวจพบว่า อัตราวัยรุ่นที่ทำร้ายตนเองเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 วัยรุ่นที่ป่วยเป็นโรควิตกกังวลเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 และประสบกับภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ขณะที่อาการประสบปัญหากับเรื่องความผิดปกติของการทานอาหาร ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะของจิตใจนั้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ142 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ดร.แม็กซิม เดอ ซูมา ผู้อำนวยการของศูนย์ กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก โดยเฉพาะของวัยรุ่นที่ประสบกับปัญหาทางด้านสุขภาพจิต เนื่องจากความกดดันจากสภาพแวดล้อม รวมไปถึงการที่ผู้ปกครองไม่สามารถช่วยลูกจัดการความเครียดต่างๆได้ ทำให้เหล่านี้เป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ของวัยรุ่นจำนวนมากในลอนดอน 

นอกจากนี้ ดร.แม็กซิม แนะนำว่า ควรสนับสนุนทรัพยากรเพิ่มเติมในเรื่องการศึกษาและสุขภาพเพื่อป้องการเสียชีวิตของคนหนุ่มสาวที่เพิ่มขึ้น และผลสำรวจยังพบว่า การที่วัยรุ่นเหล่านี้ไม่ได้รับการสนับสนุนหรือส่งเสริมในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะด้านสุขภาพจิต จะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย หรือการลาออกจากโรงเรียน ในระหว่างช่วงเวลาที่พวกเขาต้องการกำลังใจและการสนับสนุนจากสังคมรอบข้าง

ที่มา Independent