ไม่พบผลการค้นหา
"คุณหญิงสุดารัตน์" ระบุเงิน1.9 ล้านล้าน คือน้ำมันถังสุดท้าย ที่จะใช้ "สตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย" จึงต้องใช้ให้มีประสิทธิภาพ และต้องไร้ทุจริต เสนอ 3 แนวทาง ขับเคลื่อนการใช้งบ ประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย เห็นด้วยกับความจำเป็นในการใช้เงินเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจ เพื่อช่วยพี่น้องประชาชน จากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น 

โดยมองว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยแย่มาก่อนจะเกิดโควิด-19 เมื่อเจอเข้ากับวิกฤติโควิด-19 ผลกระทบด้านเศรษฐกิจจึงสาหัสหนัก เหมือนตัวปิดฉากเศรษฐกิจไทยสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนในขณะนี้ คือการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้ได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงต้องใช้เงิน 1.9 ล้านๆอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และไร้ทุจริต 

ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีความห่วงใยเรื่องประสิทธิภาพการใช้เงิน เพราะได้เล็งเห็นแล้วว่า แม้แต่การเยียวยา ก็เกิดปัญหามากมาย ทั้งไม่ทั่วถึง ล่าช้า หรือส่อทุจริตหรือไม่ และเงินกู้จำนวน 1 ล้านล้านบาทไม่เห็นแผนชัดเจน โดยเฉพาะแผนฟื้นฟูที่ใช้เม็ดเงินจำนวน 4แสนล้านบาท ซึ่งถูกจัดสรรไปใช้ในแผนฝึกอบรม ใช้ขุดลอกแหล่งน้ำ ซึ่งล้วนแต่เคยเกิดปัญหาการทุจริตมาแล้วทั้งสิ้น และกังวลว่างบในส่วนดังกล่าว จะเป็นงบที่ตรวจสอบยาก มีช่องทางทุจริตได้ง่าย

"เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นเสมือนน้ำมันถังสุดท้าย ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ประเทศไทย จึงต้องใช้น้ำมันถังสุดท้ายนี้ อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยและต้องไร้ทุจริต เครื่องยนต์ประเทศไทยจึงจะสตาร์ทติด เพราะขณะนี้เพดาน เงินกู้ใกล้ชน 60 เปอร์เซ็นต์ของ GDP น้ำมันถังนี้จึงเป็นน้ำมันถังใหญ่ ถังสุดท้าย ที่จะใส่รถสำหรับรีสตาร์ทประเทศไทย ถ้าใช้น้ำมันถังนี้อย่างสุรุ่ยสุร่าย ไม่มีประสิทธิภาพ ใช้อย่างรั่วไหล จะฟื้นเศรษฐกิจไทยไม่ได้ และถ้าหมดน้ำมันถังนี้ หมดเงินกู้ก้อนนี้แล้ว เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น จะเอาเงินกู้ก้อนไหนมาใช้อีก เงินกู้ก้อนนี้จึงต้องใช้อย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่าพรรคเพื่อไทย จึงมีข้อเสนอเพื่อให้การกำกับ การควบคุมการใช้เงิน 1.9.ล้านล้าน ให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใส ตรวจสอบได้ 3 ข้อ คือ

1 ให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อพิจารณาเงินกู้ดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพสูงสุด 

2.พรรคเพื่อไทยจะยื่น พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อเปิดโอกาสให้ตรวจสอบการใช้เงิน และป้องกันการทุจริต

3.ขอให้รัฐบาลรายงานการใช้เงินต่อสภาฯ ทุก 3 เดือน หากเกิดปัญหาจะได้แก้ไขทัน 

ดังนั้นหากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจ ไม่เห็นประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง และอยากเห็นประเทศฟื้นเดินหน้าได้จริง ขอให้รับเงื่อนไขดังกล่าว ของพรรคฝ่ายค้านซึ่งไม่ได้เสียหาย แต่จะเป็นประโยชน์ กับรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทย