ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไฟเขียวงบกลาง 279.38 ล้านบาท สนับสนุนค่าจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีรายละ 3,000 บาท

รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติงบกลางปี 2565 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 279.38 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินสนับสนุนค่าจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีรายละ 3,000 บาท ที่ค้างจ่ายในงบประมาณปี 2565 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – พฤษภาคม 2565 จำนวนทั้งสิ้น 93,127 ราย ตามที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

สำหรับคุณสมบัติผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิเงินค่าจัดการศพตามประเพณี รายละ 3,000 บาท มีดังนี้ 

1. ผู้สูงอายุที่เสียชีวิตจะต้องมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สัญชาติไทย 

2. ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือผู้สูงอายุ มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการฯ หรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ต้องให้ผู้อำนายการเขต หรือนายอำเภอ หรือกำนัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตาบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรองตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกำหนด 

3. ผู้สูงอายุที่อยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใดๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดำเนินการลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณี โดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์

รัชดา กล่าวว่า ขั้นตอนการยื่นคำขอรับเงินค่าจัดการศพผู้สูงอายุที่เข้าเกณฑ์ สามารถยื่นคำขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลำเนาที่เสียชีวิต หากเป็นพื้นที่ กทม. ให้ยื่นคำขอที่สำนักงานเขต ส่วนจังหวัดอื่นให้ยื่นคำขอที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเทศบาล หรือที่ทำการองค์การบริหารส่วนตาบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทยา โดยต้องยื่นคำขอภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสารประกอบการยื่นคำขอเงินค่าจัดการศพ ดังนี้ 

1. ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ 

2. บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ 

3. บัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจำตัวประชาชนของผู้ยื่นคำขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียนหรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดำเนินงานมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ด้วย 

4. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ยื่นคำขอ 5. แบบแจ้งข้อมูลการรับเงินโอนผ่านระบบ Krungthai Corporate Online 6)แบบคำขอรับเงินสงเคราะห์ และรับรองผู้รับผิดชอบในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณี (ศผส.01) หรือ (ศผส.02) แล้วแต่กรณี


ครม.พิจารณา 'บำเหน็จ' กรณีพิเศษ จนท.ปราบยาเสพติด คาดใช้งบ 80 ล้านบาท

นอกจากนี้คณะรัฐมนตรี ยังอนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ 2565 ในอัตราไม่เกิน 12,309 อัตรา ซึ่งจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นจากการเลื่อนเงินเดือนปกติในแต่ละครึ่งปีอัตราร้อยละ 1ของฐานในการคำนวณ แต่เมื่อรวมกับการเลื่อนเงินเดือนปกติจะต้องเกินร้อยละ 6 ของฐานการคำนวณ 


โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้คือ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ 2565 ระดับดีเด่น แบ่งเป็น ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง 343,968 อัตรา 

ปรับเพิ่มไม่เกินร้อยละ 2.5 หรือจะมีจำนวนผู้ที่ได้รับบำเหน็จความชอบไม่เกิน 8,599 อัตรา และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด มีจำนวน 247,327 อัตรา ปรับเพิ่มไม่เกินร้อยละ 1.5 หรือไม่เกิน 3,710 อัตรา  

สำหรับงบประมาณที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายครั้งนี้ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป โดยได้มีการประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดสรรบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษดังกล่าว ปีงบประมาณ 2565 จำนวน 80.87 ล้านบาท หรือประมาณรายละ 6,570 บาทต่อปี

โดยได้มีการดำเนินการเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหายาเสพติดในสังคม เช่น มาตรการความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมกับประเทศสมาชิกภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ โดยสามารถจับกุมคดียาเสพติดได้ทั้งสิ้น 957 คดี จำนวนผู้ต้องหา 1,617 คน 

มาตรการปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย โดยปฏิบัติการสกัดกั้นยาเสพติดเพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำเข้าสู่ตอนในของไทยหรือใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งสามารถสกัดกั้นยาบ้าได้ทั้งสิ้น 43.85 ล้านเม็ด ไอซ์ 2,013.69 กิโลกรัม รวมทั้งดำเนินการยึดและอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติดได้ทั้งสิ้น 9,215 ล้านบาท