นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการตั้งชื่อว่ามีความสำคัญอย่างไร ตั้งแต่สมัยโบราณมา คนสมัยนั้นที่อยากให้ลูกหลานมีสามัญสำนึกที่ดีตามที่บรรพบุรุษตั้งใจไว้ ก็มักใช้กุศโลบายในการตั้งชื่อ มีทั้งตั้งชื่อให้เป็น "สิริมงคล" และตั้งชื่อเพื่อ "แก้เคล็ด"
ทั้งนี้ ชื่ออาจไม่ตรงกับนิสัยตัวเองได้ โดยเปรียบกับพรรคที่นิยามตัวเองมา 70 กว่าปีว่าตัวเองมี "อุดมการณ์" ประชาธิปไตย และมีอุดมการณ์ในการก่อตั้งพรรคฯ จะทำการขัดอุดมการณ์ของตัวเองหรือไม่?
ซึ่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนก่อน พูดไว้ชัดเจนว่า "การไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และการไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ คืออุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์" และพูดต่อไปอีกว่า "ไม่มีมติของพรรคการเมืองใด ขัดต่ออุดมการณ์ของพรรคตัวเอง" พูดเสร็จพอเลือกตั้งจบก็ลาออกเหมือนเลือกตั้งครั้งก่อน แต่คั้งนี้ออกแล้วออกเลย ไม่ยอมสมัครกลับมาเป็นหัวหน้าเหมือนเคย
ขณะนี้ พรรคฯ กำลังจะมีมติว่าจะเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่? อาจเป็นเสียงสะท้อนได้ว่า พรรคที่เก่าแก่กว่า 70 ปี จะยิ่งแก่ยิ่งขลังในบทบาทประชาธิปไตย หรือการสู้เพื่อประชาธิปไตยเลือนหายตายจากพรรคการเมืองนี้ไปแล้ว
โดยนายพานทองแท้ ยังบอกอีกว่า ผู้ยึดมั่นในประชาธิปไตยไม่ควรตระบัดสัตย์ ยอมจำนนต่อเผด็จการ หรือเสียสัจจะเพื่อร่วมสืบทอดอำนาจ ทำให้มติในครั้งนี้อาจเป็นคำตอบว่า ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ คือชื่อเป็นสิริมงคลต่อระบอบประชาธิปไตยไทย หรือเป็นเพียงวิสัยทัศน์ที่บรรพบุรุษพรรคฯ คิดชื่อขึ้นมาเพื่อแก้เคล็ดให้กับสมาชิกพรรคฯ ใน 70 ปีข้างหน้าจะได้มีสามัญสำนึกถึงประชาธิปไตยกันบ้าง