ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ยังแทงกั๊กจุดยืนทางการเมืองใน ก.ย.นี้ บอกสื่ออย่าสนใจ หวั่นเปิดจุดยืนถูกโจมตีหนัก เปรยยังไม่นับพบพรรคการเมืองรอปลดล็อกก่อน พร้อมลั่นขอเป็นสะพานให้ประชาชนเหยียบข้ามความขัดแย้ง เปรียบเหมือนสะพานยุทธศาสตร์ชาติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการคลายล็อกให้พรรคการเมือง ว่า รับฟังข้อสังเกตจากรองนายกรัฐมนตรี ว่าติดล็อกตรงจุดใด ก็มีมาตราการคลายล็อกให้แล้ว พร้อมกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ใน 90 วัน ตรงกับวันที่ 16 ธ.ค. นี้ หลังจากนั้นจึงจะมีการปลดล็อกให้มีการหาเสียง ขณะนี้ขอให้บ้านเมืองสงบก่อน ซึ่งหากตนเป็นนักการเมือง เชื่อว่าการคลายล็อกที่ออกมา ตนสามารถทำได้ไม่ยาก ถ้าทุกคนเจตนาให้บ้านเมืองสงบสุข ถ้าทุกคนต้องการเวลาที่จะหาเสียงมากขึ้น แล้วโจมตีกันไปมา จะไม่ได้อะไร เวลาที่มีก็บอกว่ามีน้อย ทุกคนก็ต้องแถลงนโยบายให้ชัดเจน พร้อมกันนี้ย้ำว่าการคลายล็อกพอเพียงแล้ว ใครบอกไม่พอ รอเป็นรัฐบาลแล้วมาทำเอาเอง

ส่วนการพบกับนักการเมือง หลัง กกต. ประชุมพรรคการเมืองวันที่ 28 ก.ย.นี้ ยังไม่ได้กำหนดต้องรอปลดล็อกก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน ซึ่งตนจะพิจารณาเอง เช่นเดียวกับความชัดเจนทางการเมืองของตนในอนาคต ขออย่าสนใจ เพราะเคยบอกแล้วว่า หลังกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง 2 ฉบับออกมา ตนจ��พูดเมื่อใด ก็เรื่องของตน

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ความชัดเจนทางการเมืองของนายกฯในอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า จะมาสนใจอะไรกับตนเอง เพราะได้ระบุแล้วว่าหลัง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งออกมาแล้วขณะนี้ออกมาหรือยัง หลังจากนี้ไปถึงปีนี้ ก็หลังทั้งหมด ตนเองจะพูดเมื่อไรก็เรื่องของตนเอง และจะตัดสินใจเอง เรื่องอะไรจะออกมาให้โดนด่าตั้งแต่วันนี้ สื่อก็หาเรื่องตนเองได้ทั้งวันแหละ

นายกฯ อ้อนขอดูแลคนทั้งประเทศทั้งคนที่เลือก - ไม่เลือก

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก และมอบสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด พร้อมมอบมอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ราษฎร 434 ราย โดยมอบให้แก่ผู้แทนประชาชน 3 ราย จาก 3ตำบล โดยมีประชาชนมาต้อนรับกว่า 1,000 คน

โดย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้จะกลับไปหาทุกคน ส่วนตัวไม่ได้ต้องการให้ใครมารัก และการมาครั้งนี้ก็ไม่ได้ต้องการให้มีการบังคับกันมา แต่อยากให้มาด้วยความเต็มใจเพราะเราจะเติบโตไปด้วยกันบนความแตกต่าง วันนี้เราจึงจำเป็นต้องจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน ซึ่ง 4 ปีมานี้หลายอย่างดีขึ้น ถ้าทำต่อไปก็น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้ คณะที่เดินทางมาในวันนี้ คือคนที่จะเข้ามาช่วยกันทำงานขอให้มองว่าพวกเขาใช่ศัตรู เพราะเขาต้องถือกฎหมาย ถ้าไม่ถือกฎหมายก็ทำงานลำบาก ถูกฟ้องร้องอย่างไรก็ตามประชาชนต้องเข้าใจยุทธศาสตร์ชาติ เด็กอีก 20 ปี จะต้องไม่ลำบาก เรียนจบมาต้องมีงานทำ 

“เวลานี้ถือว่าเป็นช่วงสำคัญในการก้าวสู่ประชาธิปไตย การเลือกตั้ง ถ้าคิดแบบเดิมเราจะเดินก้าวแรกไม่ได้การเลือกตั้งประชาธิปไตยถือเป็นก้าวที่ 2 ซึ่งเราจะเดินไปอย่างไร หรือเราจะถอยกลับไปที่เดิมอย่างเก่าหลายสิ่งที่เราทำมากดีขึ้นกว่าเดิม เช่น มีการก่อสร้างถนนหนทางต่างๆ ผมแปลกใจว่าทำไมก่อนที่ผมจะเข้ามามันเกิดขึ้น สงสัยกันหรือไม่ เมื่อทุกคนรับปากไปแล้ว หลายคนเข้ามาทำการเมือง ก็ลงพื้นที่ถามท่าน พอถึงเวลา ก็ไปดูว่าที่รับปากไป แล้วเข้า ครม.ทำไมถึงทำไม่ได้ แปลกไหมทั้งนี้ ไม่ต้องกลัวว่ารัฐบาลนี้จะไม่ดูแลท่านเพราะถึงไม่เสนอ ผมก็มีแผนดูแลให้ ผมว่ารัฐบาลหน้าต้องเป็นแบบนี้ ดูแลคนทั้งส่วนใหญ่และส่วนน้อยทั้งคนที่เลือกและไม่เลือก ต้องไม่ขัดแย้งและที่ผ่านมาหลายอย่างถูกครอบงำ ต้องปลดล็อกให้ได้ ทั้งปลดล็อกตัวเองและส่วนรวม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เรากระจายอำนาจแล้ว อย่าบอกว่าไม่กระจาย หลายหน้าที่ได้มอบให้ท้องถิ่นทำ 200-300 กิจกรรม ต่อไปเมื่อปลดล็อกการเมือง คงวุ่นวายพอสมควร ตนไม่อยากยุ่งกับการเมือง แต่การเมืองก็อย่ามายุ่งกับการทำงานของรัฐบาลในเวลานี้ เราต้องการทำให้พี่น้องประชาชน อย่าทำให้สิ่งที่รัฐบาลทำในเวลานี้ล้มเหลว เพราะส่วนตัวเสียดายเวลาของที่ทำมา บางคนอาจคิดว่าตนเข้ามาทำไม ทั้งที่ไม่ได้จ้างให้เข้ามาเลย แต่ยืนยันว่าถ้าไม่เดือดร้อน ไม่มีความจำเป็น ก็คงเข้ามาอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่เด็ก เป็นทหารเก่ามา เห็นแววตาประชาชนว่างเปล่า จึงต้องมาแก้ในเชิงโครงสร้าง ไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว 

ประยุทธ์ เพชรบูรณ์ 115346.jpg

ขอเป็นสะพานให้คนเหยียบข้ามความขัดแย้ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งอยู่ในมือของพวกท่าน ฉะนั้นอย่าไปเชื่อใครที่บอกว่าไม่ต้องไปเลือก ให้อยู่อย่างนี้ ไม่ต้องไปเลือกเลย เพราะการทำเช่นนั้นถือว่าอันตรายที่สุด และคนที่ไปเลือกก็จะเหมือนมีการจัดตั้งไว้แล้ว และสุดท้ายก็จะได้การเมืองแบบเดิมประชาธิปไตยจะต้องไม่ทำให้ประเทศชาติขัดแย้งเหมือนเดิม แต่ต้องเป็นประชาธิปไตยที่มีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่กับเราไปตลอด

นายกฯ ย้ำว่า สาเหตุที่เขียนเพลงสะพาน นั้นเพราะพวกตนเป็นสะพานให้ทุกคนเหยียบข้ามความขัดแย้งไป และเมื่อตนไม่อยู่ สิ่งที่จะเป็นสะพานในอนาคตคือยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท และต้องมีกรรมการตรวจสอบการทำงานรัฐบาล ซึ่งเหตุผลที่ตนกล้าเขียน เพราะไม่ได้จะไปล็อคใครไว้ และไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ใดๆ ซึ่งนอกจากสะพานแล้วยังปักเสาเข็ม ทำหลังคาไว้ให้เรียบร้อยเหลือแต่ทำบ้านให้แข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนเป็นส่วนประกอบของบ้านหลังใหญ่ นั่นคือประเทศไทย ซึ่งมีทั้งคนดินน้ำอากาศ เป็นประเทศที่ไม่ใช่เพียงที่ดินเปล่าๆโล่งๆ เพราะทุกคนคือส่วนประกอบของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นฝาบ้านหรืออะไรก็แล้วแต่บ้านจะต้องมีความแข็งแรงและศักยภาพ ที่ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ขออย่าทำร้ายหรือเหยียบย่ำด้วยอะไรทั้งสิ้น อย่าเกลียดตน จะเกลียดหรือไม่รักก็ได้ แต่ถ้ารักตน ก็ให้รักนานๆ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยังกล่าวถึงกรณีที่นักการเมืองวิจารณ์หลังจากที่มีการจัดอันดับให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน36 ประเทศหน้าละอายที่มีการคุกคามนักสิทธิมนุษยชนว่า คนที่เอาไปพูดนั่นแหละน่าละอาย เพราะพูดให้ประเทศเสียหาย เราไม่เคยทำแบบนั้น เว้นแต่คนที่ทำความผิด การทำความผิดและการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นเส้นเดียวกัน ถ้าตัวเองทำผิดกฏหมายก็จะต้องยอมรับ

'วิษณุ' โยน 'กกต.' แจงกฎห้ามหาเสียงผ่านโซเชียล

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ฝ่ายการเมืองยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 13/2561 ที่ห้ามพรรคการเมืองหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ว่า คำสั่งเขียนไว้ชัดเจนแล้ว และตนได้สอบถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แล้วว่าถูกต้อง ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการตีความผิดพลาดนั้นก็ไม่ผิด เพราะกกต.เป็นผู้เขียนกฎหมายเอง และหากกกต.ตีความผิดก็ให้ผิดตามกกต.แล้วจะได้ไม่ผิด

ส่วนการหารือระหว่าง กกต.และพรรคการเมืองในวันที่ 28 ก.ย. นี้ ทุกอย่างจะมีความชัดเจนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะมีความชัดเจนหรือไม่ เพราะกกต.เป็นผู้ตอบคำถาม หากใครถามอะไรแล้วกกต.ตอบได้ก็จะชัดเจน แต่ถ้ากกต.ไม่รู้เรื่องก็จะเก็บไว้ถามคสช.ให้

'ป้อม' ไม่หวั่นสถานการณ์พื้นที่ภาคใต้หลังคลายล็อก

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุว่า กรณีที่พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 แสดงความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ความมั่นคง หลังจากที่ คสช.คลายล็อกให้พรรคการเมือง เนื่องจากพบว่าขณะนี้หัวคะแนนในพื้นที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว ว่า ไม่มีอะไร และสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ยังไม่ได้รายงานอะไรให้ตนทราบ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง