ไม่พบผลการค้นหา
รายงานฉบับล่าสุดของฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กลายเป็นผู้นำเผด็จการทหารเต็มรูปแบบ หลังจากที่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขามีอิทธิพลเหนือทหารและตำรวจ ขณะที่สื่อนานาชาติต่างจับตาการจัดการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในกัมพูชาปลายเดือนกรกฎาคมนี้

รายงานฉบับล่าสุดของฮิวแมนไรท์วอทช์ความยาว 213 หน้าระบุว่า นายทหารระดับสูง 12 คนของกัมพูชามีส่วนในการช่วยเหลือและสนับสนุนฮุนเซนในการทารุณและสร้างความเป็นเผด็จการทางการเมือง นับตั้งแต่ขึ้นครองอำนาจมาในปี 1985 โดยทั้งหมดอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับนายฮุนเซนในการช่่วยละเมิดสิทธิของประชาชน และทำการปกป้องนายฮุนเซน มาโดยตลอดระยะเวลาการครองอำนาจของเขาเป็นเวลากว่า 33 ปี แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะรับเงินเดือนตามระบบราชการ แต่ความร่ำรวยที่ปรากฎนั้นไม่สามารถหาคำอธิบายที่มาของทรัพย์สินได้

ไม่มีเผด็จการคนใดที่สามารถอยู่ในตำแหน่งสูงสุดได้โดยปราศจากการสนับสนุนของคนที่โหดเหี้ยม'


แบรด อดัม ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ภูมิภาคเอเชียกล่าวว่า 'หลายปีมานี้ ฮุนเซนได้สร้างและพัฒนากองกำลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ผู้ซึ่งพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งที่รุนแรงและทารุณของเขา ซึ่งปรากฎเป้นหลักฐานที่ชัดเจนในช่วงก่อนการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะมาถึงนี้ หน่วยงานด้านการทหารและตำรวจต่างมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามนักข่าว นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและกลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาล รวมไปถึงการเปิดทางให้แก่ฮุนเซนในการหาเสียงต่างๆ'

ฟิล โรเบอร์ตัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรซ์วอทช์เอเชียกล่าวว่า 'ฮุนเซนได้กลายเป็นผู้นำเผด็จการที่มีอำนาจทางทหารเต็มรูปแบบ เขาคาดหวังว่าเขาจะใช้อิทธิพลอย่างลับๆอยู่เบื้องหลังการเลือกตั้ง ซึ่งจะส่งผลให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือน ก.ค. นี้เต็มไปด้วยความไม่อิสระและไม่ยุติธรรม'

ในรายงานระบุอีกว่า หลังจากที่ฮุนเซนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในปี 1985 และในปี 1979 เขาได้รับตำแหน่งประธานพรรคประชาชนกัมพูชาหรือ CPP เขาได้สร้างวัฒนธรรมการเมืองในระบอบฮุนเซน พร้อมทั้งสถาปนายศและชื่ออย่างเป็นทางการของตนเองใหม่เป็น 'สมเด็จ อัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน' พร้อมทั้งยังเรียกตนเองว่าเป็นนายพลสูงสุดตลอดกาล 

อดัมกล่าวว่า 'ไม่มีเผด็จการคนใดที่สามารถอยู่ในตำแหน่งสูงสุดได้โดยปราศจากการสนับสนุนของคนที่โหดเหี้ยม'

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ขแมร์ไทม์ส รายงานว่า 'ฮุน เซน' นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวปาฐกถาเนื่องในพิธีจบการศึกษาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ โดยระบุว่า เขามีเป้าหมายจะยุติบทบาททางการเมืองแล้ว แต่กลับมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีความคิดเป็นกบฏต่อชาติบ้านเมือง จึงเห็นความจำเป็นว่าจะต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีก 2 สมัย หรืออีก 10 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มกบฏทำลายประเทศ

ทั้งนี้กัมพูชาจะมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงปลายเดือน ก.ค. นี้ คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งของกัมพูชากล่าวว่ามีผู้สังเกตการณ์ที่ลงทะเบียนแล้วกว่า50,600 คน ขณะที่นานาชาติอีก 17ประเทศซึ่งรวมถึงเมียนมา สิงคโปร์และจีนกว่า 800 คนจะเข้าร่วมสังเกตการณ์การจัดการเลือกตั้งของกัมพูชา

ที่มา RFA / Asiancorrespondent / The guardian

ข่าวที่เกี่ยวข้อง