ไม่พบผลการค้นหา
ระเบิดตู้เอทีเอ็มบนถนนสายปัตตานี-ยะลาซ้ำ เจ้าหน้าที่คาดมีพฤติกรรมคล้ายเหตุการณ์ 20 พ.ค. ขณะที่ สภ.เมืองยะลา สั่งสายตรวจเข้ม สนธิกำลังทหาร-ตำรวจ-ฝ่ายปกครอง รักษาความปลอดภัยตู้เอทีเอ็ม ตลอด 24 ชม. โดยเฉพาะ 1 ทุ่มถึงรุ่งสาง

ร.ต.อ.ประจวบ สุวรรณรัตน์ สารวัตรปราบปราม สภ.เมืองยะลา สั่งการให้ ชุดสายตรวจรถยนต์และสายตรวจจักรยานยนต์ ร่วมกำลัง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง แบ่งพื้นที่รับผิดชอบรักษาความปลอดภัย ตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวเมืองยะลา โดยกำหนดให้กำลังที่รับผิดชอบ ตรวจตราความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับพนักงานธนาคารและผู้มาใช้บริการ 

โดยเน้นความเข้มงวด ตั้งแต่เวลา 19.00 น.จนถึงรุ่งสว่างตอนเช้า ซึ่งเป็นช่วงที่ปลอดผู้คนมาใช้บริการ จะเป็นช่วงเวลาของการเลือกก่อเหตุร้ายของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ พ.ต.อ.ประวิตร ช่อเส้ง ผกก.สภ.เมืองยะลา สั่งการให้สายตรวจ 3 ฝ่าย เฝ้าระวังรถจักรยานยนต์ และรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ที่ฐานการข่าวแจ้งเตือนมาว่า คนร้ายได้ประกอบระเบิดเป็นจักรยานยนต์บอมบ์เสร็จเรียบร้อย เตรียมก่อเหตุในเขตเทศบาลนครยะลา 

โดยให้แจ้งกับประชาชนที่พบเห็นรถต้องสงสัยตามที่ได้มีแจ้งเตือน ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ที่อยู่ใกล้ตัวโดยเร็วที่สุด เช่นเดียวกับการใช้บริการธุรกรรมทางการเงินกับตู้เอทีเอ็ม หากเห็นสิ่งผิดปกติใกล้กับตู้เอทีเอ็ม ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยด่วน

นราธิวาสเกิดเหตุซุ่มยิง คาด 'ความขัดแย้งยาเสพติด' ไม่ทิ้งประเด็นความมั่นคง

หลังจากเมื่อเวลา 02.25 น. วันนี้ (26 พ.ค.) พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ ผกก.สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตที่ร้านน้ำชา เลขที่ 83 ม.3 ต.เฉลิม จึงพร้อมด้วย พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบนายมาหามะสือกรี ลีตาเละ อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 131 ม.3ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส นอนเสียชีวิตอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา โดยถูกกระสุนปืนอาก้าของคนร้ายที่บริเวณหน้าอกตัดขั้วหัวใจ จำนวน 1 นัด และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายยาลานิง สาแม อายุ32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/1 ม.3 ต.เฉลิม ซึ่งเป็นเจ้าของร้านน้ำชาและอดีต อส.ที่ว่าการ อ.ระแงะ โดยถูกกระสุนปืน อาก้.ของคนร้ายที่บริเวณหน้าอกด้านขวา 1 นัดและที่ขาซ้าย 1 นัด รวม 2 นัด

เจ้าหน้าที่จึงได้นำศพนายมาหามะสือกรีและตัวนายยาลานิง ส่งชันสูตรพลิกศพและรักษาตัวนายยาลานิงที่โรงพยาบาลระแงะ แต่เนื่องจากนายยาลานิง อาการสาหัส แพทย์ได้ส่งตัวรักษาต่อยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

ต่อมาผกก.สภ.ระแงะ และพ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส ได้เดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ในการรวบรวมประจักษ์พยานหลักฐาน พบปลอกกระสุนปืนอาก้าตกอยู่กลางถนนระหว่างบ้านของนายยาลานิง อดีต อส.ที่ว่าการ อ.ระแงะกับร้านน้ำชา ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 40 เมตร จำนวน 5ปลอก และเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืนพก ขนาด 9 ม.ม. ตกอยู่ข้างฝาผนังด้านข้างของร้านน้ำชาที่นายมาหามะสือกรีเสียชีวิต อีกจำนวน 1 ปลอก และมีรอยเลือดหยดเป็นทางจากบ้านของนายยาลานิง อดีต อส.ที่ว่าการ อ.ระแงะ ไปยังข้างฝาผนังด้านข้างของร้านน้ำชาจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

โดยจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายยาลานิง ผู้ได้รับบาดเจ็บซึ่งอดีตเป็นอาสาสมัครที่ว่าการ อ.ระแงะ ซึ่งถูกไล่ออกเรื่องพัวพันยาเสพติด กำลังนั่งดื่มน้ำชาที่เปิดขึ้นที่บ้านของตนเอง ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน แฝงตัวมากับความมืดของบ้านของตนเอง แล้วคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงใส่นายยาลานิง อดีต อส.ที่ว่าการ อ.ระแงะ จำนวน 1 นัด ถูกกระสุนปืนที่บริเวณขาซ้าย แล้วนายยาลานิง ได้วิ่งหนีคนร้ายเข้าไปยังร้านน้ำชาที่นายมาหามะสือกรี กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บริเวณชุดโซฟาที่ทำจากรากไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายในร้าน มีชาวบ้านในที่เกิดเหตุจำนวน 3-4 คน กำลังนั่งดื่มน้ำชา 

โดยคนร้ายได้วิ่งมาถนนยิงไล่หลังซ้ำนายยาลานิง ที่กำลังวิ่งหลบหนี กระสุนปืนถูกนายมาหามะสือกรี จนเสียชีวิต และชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันหมอบกับพื้นเพื่อเอาชีวิตรอด หลังจากนั้นนายยาลานิง ได้ใช้อาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.ที่เหน็บเอวไว้ออกมายิงใส่คนร้าย จำนวน 1 นัด เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายวิ่งเข้าไปยิงซ้ำ แล้วคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไปท่ามกลางความมืด

พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ชัดเจนว่า มาจากปมเหตุใด เนื่องจากต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนปืนของคนร้าย ว่าเคยนำไปก่อเหตุที่ใดบ้างและโดยส่วนตัวนายยาลานิง ซึ่งไม่ได้เป็น อส.แล้ว คนร้ายลอบมาซุ่มยิง จึงตั้งปมเหตุไว้เบื้องต้น 2 ประเด็น คือ มาจากปัญหาความขัดแย้งเรื่องเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติด แต่ยังไม่ตัดทิ้งเรื่องปัญหาความมั่นคง

ระเบิดตู้เอทีเอ็ม อ.เมืองปัตตานีคืนวันศุกร์-มีลักษณะคล้ายเหตุระเบิดเมื่อ 20 พ.ค.

หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ซึ่งอยู่หน้าร้านเซเว่น ริมถนนสายปัตตานี-ยะลา ม.7 ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี ทำให้ตู้เอทีเอ็มได้รับความเสียหาย โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ระเบิดชนิดเดียวกันได้ 1 ลูก ซึ่งคนร้ายได้วางไว้หน้าตู้เอทีเอ็ม หน้าธนาคารอิสลาม สาขายะรัง ม.2 ต.ปิตุมุดี อ.ยะรัง

อีกทั้ง เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานระบุว่า ที่ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบวัตถุต้องสงสัยบริเวณตู้ เอทีเอ็ม หน้าโรงเรียนอาซิสสถาน ม.7 ต.นาประดู่ จึงได้ประสานชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบ ก่อนจะทำการยิงทำลายวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว และเมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดเดียวกันที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 2 จุด

โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บวัตถุพยานและพยานหลักฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนระเบิด ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ได้การสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ และเชื่อว่าคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้เป็นกลุ่มเดียวกันที่เคยร่วมก่อเหตุระเบิดตู้เอทีเอ็ม 10 จุด เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ที่ก่อเหตุได้แล้ว 2ราย โดย 1 ใน 2 รับสารภาพพร้อมโยงไปถึงเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีกหลายราย

ขณะที่ ความคืบหน้าในการติดตามคนร้ายนั้น ด้าน พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จ.ปัตตานี กล่าวว่า ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานทั้ง 3 จุด ซึ่งเบื้องต้นพบว่าระเบิดที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นแบบเดียวกัน คือเป็นการตั้งเวลาจุดระเบิด ในการตรวจสอบวัตถุพยาน ยอมรับว่ามีความคืบหน้าและเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นที่คาดว่าร่วมก่อเหตุอีกหลายคน รู้ตัวแล้วบางส่วน กำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เหตุการณ์ครั้งนี้มีกลุ่มที่ร่วมก่อเหตุหลายกลุ่มและเชื่อมโยงกัน คนร้ายมีทั้งคนเก่าที่เคยก่อเหตุและคนใหม่ที่เข้ามาก่อเหตุครั้งแรก และยังไม่มีข้อมูลในระบบ แต่เจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้วจากพยานหลักฐาน

นอกจากนี้ มีประชาชนได้ปล่อยคลิประเบิดตู้เอทีเอ็ม หน้าร้ายเซเว่น ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี ซึ่งภาพดังกล่าวกระจายไปทั่วโซเซียล โดยในภาพเป็นขณะที่ชาวบ้านถ่ายคลิปภาพไปยังตู้เอทีเอ็มหน้าเซเว่น แต่ในระหว่างถ่ายนั้นก็เกิดระเบิดขึ้น จนทำให้ประชาชนที่ยืนอยู่ตกใจร้องเสียงดัง    

ข่าวเกี่ยวข้อง :