นายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์เชิญเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานตรวจสอบอาหาร Canadian Food Inspection Agency (CFIA) ของประเทศแคนาดา มาตรวจรับรองโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของประเทศไทยระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 4 ธันวาคม 2560 มีโรงงานที่เข้ารับการตรวจรับรองจากคณะเจ้าหน้าที่แคนาดามีทั้งหมด 7 แห่ง ประกอบด้วย โรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในภาชนะบรรจุปิดสนิท 5 แห่ง และโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เลี้ยง จำนวน 2 แห่ง เพื่อตรวจติดตามระบบการตรวจสอบและกำกับดูแลโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของกรมปศุสัตว์ ผลการตรวจอย่างไม่เป็นทางการ คณะเจ้าหน้าที่แคนาดาเชื่อมั่นในระบบการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดของกรมปศุสัตว์ สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอนการผลิต โดยมีสัตวแพทย์ของกรมปศุสัตว์เป็น ผู้กำกับดูแลตามระบบมาตรฐานสากล ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปยังประเทศแคนาดาได้ต่อเนื่องและมีปริมาณเพิ่มขึ้น จากมาตรฐานการตรวจสอบรับรองที่เข้มงวดซึ่งกรมปศุสัตว์ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หน่วยงาน CFIA ขอปรับรายละเอียดใน MOU ที่ได้ลงนามตั้งแต่ปี 2552 ด้วยการขยายระยะเวลาในการเดินทางมาตรวจประเมินกรมปศุสัตว์จากเดิมปีละ 1-2 ครั้ง เป็น 5 ปีต่อครั้ง และยังส่งอานิสงส์ต่ออุตสาหกรรมการผลิตเนื้อไก่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบภายในประเทศด้วย ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของแคนาดาที่มีต่อไทย
ด้าน นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไทยเป็นสินค้าส่งออกที่มีชื่อเสียงมานาน สามารถส่งขายได้ทั่วโลก และนับเป็นสินค้าที่มีอนาคตไกล ในปี 2559 มีการส่งออกเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจาก เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ ส่วนประเทศแคนาดาถือเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยไทยมีการผลิตสินค้าประเภทอาหารสัตว์เลี้ยงส่งออกไปยังแคนาดามาตั้งแต่ปี 2552 สำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงที่ปริมาณการส่งออกไปยังแคนาดาสูงสุด ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยงในภาชนะบรรจุปิดสนิท อาหารเม็ด และขนมขบเคี้ยว ตามลำดับ โดยปริมาณการส่งออกรวมในปี 2560 นี้ ประมาณ 3,500 ตัน คิดเป็นมูลค่า 460 ล้านบาท ปัจจุบันมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่กรมปศุสัตว์ให้การรับรองและอยู่ในบัญชีที่สามารถส่งออกไปยังแคนาดาได้ จำนวน 17 โรงงาน และหลังจากเสร็จสิ้นการตรวจรับรอง คาดว่าจะมีโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการรับรองจาก CFIA เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 6 โรงงาน รวมเป็น 23 โรงงาน จะส่งผลให้ปริมาณเพิ่มขึ้นอีก 700 ตัน คิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นราว 100 ล้านบาทต่อปี